Piping Stress Hand Book 4 Mar 08
April 28, 2018 | Author: Anonymous |
Category:
Documents
Description
PRACTICAL PIPING STRESS HANDBOOK Piya Kittitanesuan, B.Eng., Mech. ( ปยะ กิตติธเนศวร ) Piping Engineer Pöyry Energy Ltd Bangkok, Thailand First Issued : January 1998 Last Update : February 2008 1 เก่ียวกับผูเขียน ปยะ กิตติธเนศวร ปจจุบันทํางานเปนวิศวกรใหกับบริษัทเพอรี่เอ็น เนอจี่ (ประเทศไทย) จํากัด ตําแหนงหัวหนาฝายออกแบบวิศวกรรมระบบ ทออุตสาหกรรม สาํเร็จการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนปทุมคงคา ในป 2534 และ สําเร็จวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต(วิศวกรรมเครื่องกล) จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม ในป พ.ศ.2538 ประวัติการทํางาน (Piping Experiences) 1995-2000 (over 4 years) Foster Wheeler International Corp. 2000-2002 (2 years) Toyo Engineering Ltd. 2002-2003 (1 year) NKK Engineering Ltd. 2003-2004 (6 month) Pro-En Technologies Ltd. 2004-2005 (1year 8 month) Chevron Offshore (Thailand) Ltd. 2005-Present Pöyry Energy Ltd. 2 สารบัญ Page คํานํา i คําศัพท (Vocabulary) ii บทนํา บทที่ 1 Basic Piping Stress Analysis และการใชโปรแกรม CAESAR II 1 1.1 Basic Piping Stress Analysis 1.2 Basic Stress Quantities 1.3 Code Compliance Basics 1.4 Code Stress Allowable 1.5 Checking Step for Stress Analysis 1.6 Piping Stress Analysis Method บทที่ 2 Static Analysis x 2.1 Linear and Non-Linear Equation 2.2 CAESAR II Type Support 2.3 Linear and Non-Linear Restraint 2.4 Static Analysis บทที่ 3 Piping on Rack x 3.1 Pipe Rack Design for Process Plants 3.2 Piping Layout on Pipe Rack 3.3 How to design pipe support for lines on pipe rack 3.4 How to design expansion loop บทที่ 4 Pipe Support Design x 4.1 Introduction to pipe support design 4.2 Guideline for shoe selection 4.3 Guideline for Pipe Support 4.4 Minimum Leg Required 4.5 Pipe Support around Equipment บทที่ 5 Spring Hanger Design x 5.1 Variable Spring Hanger 5.2 Constant Spring Hanger 5.3 Spring Function 5.4 When install spring support บทที่ 6 Jacket Pipe x - How to model and analysis jacket pipe - Model jacket pipe by equivalent method - Minimum leg require for jacket pipe - Critical Buckling Force for Jacket pipe บทที่ 7 Dynamic x - Introduction of Dynamic Theory - Characteristics of Dynamic Load - Dynamic analysis for reciprocating compressor line - How to solve static and dynamic problem - Impact load analysis - Water Hammer - Wind Load 3 บทที่ 8 Seismic Analysis x - Seismic code - Using CAESAR II for seismic analysis - How to set up Caesar II for seismic load - Caesar II load case to be analyzed for seismic load - How to design pipe support for seismic load - How to reduce seismic load and stress บทที่ 9 Stress Analysis for Underground Piping x บทที่ 10 โครงสราง file ของ Program CAESAR II x - เจาะลึกโครงสราง file ของ CAESAR II - ไฟล ควบคุมการทาํงานของ CAESAR - Unit file ไฟลควบคุมระบบหนวย - ไฟล อ่ืนๆ บทที่ 11 3D CAD and CAESAR II x - Introduction to PDMS 3D and STRESS -C - การใช STRESS-C สรางไฟลกลาง (neutral file) สําหรบั มาใชกับ CAESAR II - การนํา neutral file มา สราง piping input file - Introduction to PDS and PD-Stress บทที่ 12 CAESAR II Structural Model x - How to use CAESAR II model the structure - How to include structure model to piping model บทที ่13 How to develop online piping calculation on web site x - Develop web programming for online calculation - pipe wall thickness - maximum pipe span - pipe branch reinforcement - pressure drop calculation - trunnion arm loading calculation - flange leakage calculation - cantilever bracket calculation เอกสารอางอิง (REFERENCES) x APPENDIX A: Equipment Allowable Nozzle Loads x APPENDIX B: CODE stress x APPENDIX C: Stress Analysis Check List x APPENDIX D: CAESAR II Load Case to be Analysed x APPENDIX E: Pipe Span Calculation x APPENDIX F: Piping Program develop by using Visual Basic x APPENDIX G: How to include piping input file x APPENDIX H: Hot Sustain and Cold Sustained Stress x APPENDIX I: Unix and Apache Server, PHP, Mysql Database and PHPMyadmin x 4 คํานํา ตั้งแต สําเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยใน ปพ.ศ 2538 ผูเขียนไดเริ่มงานทางดาน วิศวกรรมระบบทออุตสหากรรม (Piping Engineering) กับบริษัทอเมริกาแหงหน่ึง โชค ดีมีโอกาสเรียนรูทํางานดาน Piping Stress Analysis โดยเฉพาะ กับวิศวกรผูเช่ียวชาญ เฉพาะดานชาวตางประเทศจากหลายสัญชาติ เน่ืองจากศาสตรทางดานน้ีเริ่มพัฒนามา ไดไมกี่สิบป ดังน้ันวิศวกรไทยท่ีเชียวชาญทางดานน้ี จึงมีจํานวนนอยอยู สวนตํารา ภาษาไทยท่ีเกี่ยวกับ Piping Stress กย็ังไมมีผูใดถายทอดเอาไวใหจนกระท่ังปจจุบัน หนังสือเลมน้ีมีวัตถุประสงค เพื่อรวบรวมความรู ประสบการณ ในการวิเคราะห และแกปญหาความเคนในระบบทอ และนํามาถายทอด ใหกับวิศวกรไทยรุนใหมและ นักศึกษาท่ีมีความสนใจในงานทางดานวิศวกรรมระบบทอ โดยหวังวาเราจะตอยอด พัฒนาความรูในศาสตรน้ี ไดอยางรวดเร็วและไมแพชาติใดในโลก ผูเขียนตองการแสดงใหเห็นวา ความรูพื้นฐานทางวิศวกรรม ท่ีเราเรียนกันมาใน โรงเรียนและมหาวิทยาลัยน้ัน น้ันมีคุณคาในวิชาชีพอยางมาก เชน กฏฟสิกค ขอท่ี 1 ของทานเซอรไอแซคนิวตัน มาประยุกตใชงาน ควบคูกับการนําเสนอซอฟแวรสมัยใหม ทางดาน piping stress analysis อยาง CAESAR II จะทําใหศาสตรน้ีไมไดยากเหนือ ความเขาใจแตอยางใด และชวยใหลดเวลาในการทํางาน ท่ีสูญเสียไปกับการหาผลลัพธ โดยอาศัยโปรแกรมคอมพิวเตอร อยางลองผิดลองถูก หนังสือเลมน้ีจะสําเร็จลงไมไดเลย หากขาดความรูเมื่อหลายรอยปกอน จากทาน ปรมาจารย เซอรไอแซค นิวตัน ครูบาอาจารยท่ีประสิทธประสาทวิชาการดานวิศวกรรม จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม และรุนพี่วิศวกรท้ังชาวไทย พี่สมภพ พูนทรัพย ท่ีชวยเหลือ ผมเขาสูวงการ piping engineering และวิศวกรชาวตางประเทศท่ีเปนหัวหนาและ อาจารยผม อยาง Mr.John M Nedovich, Mr. David Maloney, Mr. Brian Hutchison และ Mr.Steve Holdaway ท่ีใหความเมตตา มอบโอกาสในการงาน และถายทอด ประสบการณ ความรูจากการทํางานจริง และท่ีสําคัญ ขอขอบคุณอยางสูงสําหรับบริษทั เพอรี่ เอ็นเนอยี่ (ประเทศไทย) จํากัด โดยเฉพาะนายใหญ ชาวสเปน และ ดร.อเล็กซ พี่ ST พี่ SA และพี่ SU ท่ีใหโอกาสรับผมไดทํางานท่ีบริษัทเพอรี่ ท่ีน่ีเปดโอกาสใหผมได ทําเวบไซต pipingengineer.com ในเวลาเลิกงาน ยามวาง เปนงานอดิเรก แตงตํารา เขียนบทความ ถายทอดความรูใหกับสังคมและรุนนองวิศวกรไทย หากมีกุศล ผลบุญท่ี ไดจากการถายทอดความรูน้ีท้ังหมด ผมขอมอบกุศล ผลบุญน้ันท้ังหมด แดทานผูมี บุญคุณทุกทานท่ีกลาวมาและบุคคลอื่นๆท่ีไมสามารถกลาวไดหมดในที่น้ี แลวดวย เทอญ ปยะ กิตติธเนศวร ศรีราชา ประเทศไทย กุมภาพันธ 2550 5 6 คําศัพท (Vocabulary) Anchor จุดยึดตรึงทอ ณ จุดน้ันทอไมสามารถขยับเขย่ืนไป ไหนได B Corrosion Allowance คาเผ่ือการสึกกรอน D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z บทท่ี 1 BASIC PIPING STRESS และ การใช โปรแกรม CAESAR II By Piya Kittitanesuan (ปยะ กิตตธเนศวร) Lead Piping Engineer Poyry Energy Ltd. (Thailand) (update 29 February 2008) พื้นฐานการวิเคราะหความเคนในระบบทอ (Basic Piping Stress Analysis) ระบบทอที่มีอุณหภูมิปฏิบัติการ (Operating Temperature) สูงกวา อุณหภูมิบรรยากาศ(Ambient Temperature) จะทําใหทอ เกิดการขยายตัว สวนระบบทอที่มีอุณหภูมิตํ่ากวาอุณหภูมิ ambient จะทําใหทอเกิดการหด ตัว ทั้งสองระบบนั้นไมเพียงทําใหเกิดปญหา การขยายหรือหดตัวของระบบ ทอ ยังจะทําใหเกิดปญหาความเคนในระบบทออีกดวย ระบบทอจะพัง เสียหายหรือไมพังขึ้นอยูกับความเคนมีมากนอยเพียงใด ถาคาความเคนที่ เกิดขึ้นอยูในขอบเขตที่ code จาํกัดไว ระบบทอก็คงอยูได แตการวิเคราะห หาคาความเคนในระบบทอเพียงอยางเดียวยังไมเพียงพอ วิศวกรระบบทอ (Piping Engineer) จะตองคํานวณหาแรงและโมเมนต ที่กระทํา ณ จุด ตางๆ เชน ที่จุดรองรับทอ(pipe support ) ซ่ึงจุดรองรับทอ ที่เจอในงาน ทอ ก็ไดแก line stop, guide หรือวา จะเปน nozzle ของอุปกรณ (Equipment) ก็ได แรงที่เกิดจากระบบทอ จะตองมีคาไมมากเกินไป ไมเชนนั้นจะทําให โครงสรางหรืออุปกรณตางๆ พังเสียหายได วิธีการคือเราจะนําคาแรงและโมเมนต ที่คํานวณไดนี้มาเปรียบเทียบ กับคา Allowable Forces และ Moments โดยคาแรงและโมเมนตที่คํานวณ ไดนั้นจะตองไมเกินคา Allowable วิศวกรที่คํานวณความเคนในระบบทอ สามารถทราบคา Allowable Load ไดจาก โรงงานผูผลิตอุปกรณนั้นๆ หรือ ไดจาก code ที่ใชกับอุปกรณตางๆ เชน ถาเปน pump ก็อาจจะใช code API 610 ถาเปน steam turbine ก็อาจใช code ของ NEMA SM23 แตถา เปน Tank ขนาดใหญ ก็อาจใช code API650 เหลานี้เปนตน จะใช code ไหน แตละโครงการ(project) ก็ไมเหมือนกัน แตโดยทั่วไปในงาน ออกแบบโรงงานปโตรเคมีและโรงกลั่นน้ํามันทั่วโลก ก็นิยมใช code ที่ กลาวมานี้ทั้งนั้น หนังสือเลมนี้จะสอนใหทานทราบถึง วิธีการออกแบบทอใหมีความ ปลอดภัย โดยเราจะยึกหลักการพื้นที่วา ระบบทอจะตองถูกออกแบบใหมี ความยืดหยุน(Flexibility) โดยใชจํานวนขอตอ(Fitting) ใหนอยที่สุด เพื่อ ความประหยัดเงินของนักลงทุน และ ลด pressure drop ที่เกิดขึ้นใหนอย ที่สุด 1 1.1 BASIC STRESS QUANTITIES กอนที่เราจะเริ่มทําการคํานวณ pipe stress ใหเราทบทวนเกี่ยวกับ ปริมาณ stress พื้นฐานตอไปนี้กอน ซ่ึงสวนใหญเราก็เรียนรูกันมาใน โรงเรียนวิศวกรรมเรียบรอยแลว ผมจึงไมอธิบายมันมาก AXIAL STRESS (ความเคนตามแนวแกน) Axial Stress = Force Area SHEAR STRESS (ความเคนเฉือน) Shear Stress = Force in Shear Shear Area BENDING STRESS (ความเคนดัด) σ = M c M I โดยที่ M- Moment @ cross section c- Distance from neutral axis to outer surface I – cross section moment of inertia = Π (do4 – di4) 64 2 LONGITUDINAL PRESSURE STRESS σPL = F / A = Pd/4t HOOP PRESSURE STRESS σPH = F = P d A 2 t ทางยุโรปนิยมใช คา d เปน outside diameter มากกวาที่จะใชเปน inside จากกฏขอที่ 1 ของนวิตัน [ Σ F = 0 ] 2 F = Pdi L σPH = Pdi L = Pdi 2t L 2t จริงๆ แลว สมการ hoop pressure stress ที่ใชกลาวถึงขางบนนี้ เปน สมการ ที่ใหคาประมาณ สมการที่ใหคาไดแมนยํา นั้น ถูกกําหนดโดย สมการของ LAME ดังตอไปนี้ σPH = Pri2 + L ri2 ro2 P / r2 ro2 - ri2 r = position thru the thickness 3 รูปที่ 1 คือการการกําหนดคาใหกับ program CAESAR II มี 4 option ใหเลือก คือ ID, OD, MEAN และ LAMES_EQ ถาเราตองการคาที่ conservative ที่สุดใหเลือกใช base hoop stress on เปน OD แต โดยทั่วไป นิยมใช ID ที่เปนเชนนี้ คงเปนเพราะตองการใหแกปญหาความ เคนผานไปไดโดยงาย ดังนั้นกอนที่จะเริ่มตน ทํา piping stress analysis โดยใช CAESAR II ก็ควรจะตั้งคาตรงนี้กอน โดยไปที่ TOOL บน main menu ของ CAESAR II Version 5.00 และ Configures/Setup ก็จะได dialog box ดัง รูปที่ 1 รูปที่ 1 การกําหนด diameter ที่ใชในการคํานวณ hoop stress ใหกับ CAESAR II กอนอื่นผมอยากใหเราตัดความกังวลในการใชโปรแกรมไปกอน ผมยังคงไม ถายทอดตอนนี้ เพราะนั่นไมใชประเด็นสําคัญที่สุดในตอนนี้ อยากใหเรา เขาใจพ้ืนฐานกอน แมจะไมมี โปรแกรมก็สามารถเขาใจหลักการได Longitudinal Stress ที่เกิดขึ้นบนผนังทอ โดยทั่วไป หนาตัดของทอจะเกิดปญหา longitudinal stress หลักๆ ได 4 สามรูปแบบคือจาก bending , axial และ pressure ดังนั้นสมการในการ คํานวณหาคา longitudinal stress ที่หนาตัดทอจะเปนดังนี้ ซ่ึงโดยทั่วไปแลว U.S Code ก็จะใชรูปแบบสมการขางบนในการหา longitudinal stress สําหรับ ASME B31.3 stress ที่เกิดขึ้นขางบน เรียกวา Sustained Stress ซ่ึงเกิดจากการ combine stress ที่เกิดจาก ความเคนเนื่องจาก โมเมนตดัด ความเคนตามแนวแกน และ ความเคนที่เกิดจากความดัน แต สําหรับ B31.1 Sustained Stress ที่เกิดขึ้นจะพิจารณา มาจาก ความเคน เนื่องจากโมเมนตดัด และ ความเคนที่เกิดจากความดัน เทานั้น เขียนเปน สูตร งายๆ ไดดังนี้ ASME Code ไดบอกวา Sustained Load เกิดจากผลกระทบของ ความดัน น้ําหนัก ที่เกิดขึ้นบนทอ ดังนั้นจะเห็นวา longitudinal stress ที่กลาว มาแลวขางตน ก็คือ ความเคนที่เกิดจาก Sustained load นั่นเอง ซ่ึงตอไป เราก็จะเรียก กันเทหๆ แบบภาษาเทพ วา Sustained Stress (SL) 1.3 CODE COMPLIANCE BASICS : ASME CODE ไดกําหนด รูปแบบการเสียหายพื้นฐานสองแบบ ดังนี้ 1. Sustained ( or Primary ) Stress Failure 2. Expansion (or Secondary ) Stress Failure ซ่ึงแตละ แบบ ก็มีลักษณะเฉพาะไมเหมือนกัน Mc + Pd I 4t Bending pressure Mc + F + Pd I A 4t Bending axial pressure 5 ลักษณะที่เปน PRIMARY STRESS 1. primary stress สวนเกิน มีสาเหตุมาจากการเกิด plastic deformation และ rupture. รูปที่ 2 2. สวนใหญเกิดจากการรับภาระเนื่องจาก น้ําหนัก(weight) และ ความดัน (pressure) Allowable limits สําหรับ sustained stresses นั้น จะ สัมพันธกับ คา yield stress ของ material 3. การพังเสียหายจะเกิดขึ้นแบบทันทีทันใด จะไมมีอาการเตือนใหเราเห็น ลวงหนา เหมือนกับการพังเนื่องจากการลาของวัสดุ (fatigue) 4. โดยปกติจะไมเกี่ยวกับ cyclic ลักษณะที่เปน SECONDARY STRESS 1. เกิดเนื่องจากการขยายตัวของทอ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ (thermal expansion) 2. การพังเสียหายอาจจะเกิดการ crack เปนจุดเล็กๆ ตามผิวดานใน หรือ ดานนอกของทอกอน รูปที่ 3 ลักษณะของ OCCASIONAL STRESS กรณีทั่วไป ระบบทอจะเกิดความเคนทั้งสองแบบขางตน แตก็ยังมีเหมือนกัน ที่จะเกิดการเสียหายเนื่องจากเกดิเหตุการณตามโอกาส เชน แรงลม (wind), เกิดแผนดินไหว (earthquakes), เกิดฆอนน้ํา เชน steam หรือ 6 water hammer, Pressure Safety Valve (PSV) ทํางาน เนื่องจาก เหตุการณขางตน อาจจะเกิดขึ้นหรือไมเกิดขึ้นก็ได การพิจารณาการ เสียหายแบบนี้จึงขึ้นอยูกับวิศวกรผูทําการออกแบบอกีที หรือไมก็มีการ กําหนดจากขอกําหนดในการออกแบบจากลูกคา 1.4 CODE STRESS ALLOWABLE : เกณฑคาความเคนสูงสุดที่ ยอมรับได ซ่ึงแตละประเทศจะมี ขอกําหนดเปนของตัวเอง สําหรับประเทศไทยยังไมมีขอกําหนดนี้ใหใช โดยมากโรงงานในประเทศไทยใช หลักเกณฑของอเมริกา ในแตละ ประเภทของโรงงาน ก็ยังกําหนดแตกตางกันไปอีก เชน โรงงานประเภท Power Plant ไดกําหนดใช Code B31.1 สวนโรงงานประเภท Process Plant ไดกําหนดใช Code B31.3 เนื่องจากสวนใหญเราจะทําโรงงานประเภท Process Plant และ Power Plant กัน ดังนั้นขอยกตัวอยางของ ทั้ง Code B31.1 และ B31.3 ซ่ึง code B31.3 ไดกําหนด Code stress allowable ไวดังตอไปนี้ THE SUSTAIN ALLOWABLE STRESS คือการเอาคา hot yield stress มาคูณดวยคา factor ซ่ึง sustained stresses ไมควรจะเกินคา materials elastic limit ณ อุณหภูมิ ที ่ operating หรือ อุณหภูมิที่ใชในการ design ถาเขียนเปนสมการจะไดดังนี้ โดยที่ SL = Stress ที่เกิดขึ้นเนื่องจาก sustained load Sh = Hot Allowable stress มีคาไมเกิน 0.666 Sy หรือ 0.25 Su คา Sh นี้เราสามารถเปดหาคาไดจาก table A-1 ใน ASME B31.3 เชน ทอ carbon steel A53 Gr.B ที่อุณหภูมิ 200 องศาฟาเรนไฮต จะได คา Sh = 20000 psi. หรือ จะแปลงเปนหนวย SI ก็หารดวย 145 จะได เทากับ 137.93 N/mm2 ตัวเลข 145 นี้เปนตัวเลขใชประมาณในการแปลง หนวย ซ่ึง จํางาย และ ใชบอย แตถาตองการจะเอาตัวเลขแปลงหนวยจริง ก็ตองหารดวย 145.037743897 สําหรับวิศวกรแลว ผมรูวาพวกเราคงไม ชอบกันเทาไร การใชโปรแกรม piping stress package ตางๆ บางทีเราอาจเปดวัสดุที่ ตองการหาไมเจอ เปนเพราะวา วัสดุตัวนั้นไมมีใชใน ASME Code ASME B31.1 , B31.3 ก็ได ตรงนี้เราควรตรวจสอบดูใหแนชัด SL < Sh 7 THE EXPANSION ALLOWABLE STRESS RANGE คานี้จะตองไมเกิน สองเทาของ yield stress คูณกับ safety factor , cyclic reduction factor ลบ ดวยคา mean stress ซ่ึง total stress range ( expansion บวกกับ sustained) ถูก set ไวเทากับ สองเทาของ yield stress SA = f ( 1.25 Sc + 1.25 Sh – SL ) โดยที่ SA = Allowable Displacement Stress Range f = Cyclic reduction factor for fatigue from Table 302.3.5 (B31.3 edition 2002) Sc = Cold allowable stress Sh = Hot allowable stress SL = Longitudinal Stress คา f นั้น ขึ้นอยูกับ จํานวนรอบความรอนที่ทอจะไดรับ ซ่ึงกําหนดไวใน code B31.1-2004 table 102.3.2 ดังนี้ f = 1.0 สําหรับ 7000 รอบ หรือตํ่ากวา f = 0.9 สําหรับ 7000 – 14000 รอบ f = 0.8 สําหรับ 14000 – 22000 รอบ f = 0.7 สําหรับ 22000 – 45000 รอบ f = 0.6 สําหรับ 45000 – 100000 รอบ f = 0.5 สําหรับ มากกวา 100000 รอบ สวน B31.3-2002 ใหคาไวดัง table 302.3.5 ซ่ีงก็ไมแตกตางจาก B31.1 เทาไรนัก แตพอมา Edition B31.3-2004 เปลี่ยนมาเปน plot graph แทน ดัง Fig. 302.3.5 สังเกตุใหดี B31.3 Edition 2004 มีบางชวงคา f มากกวา 1 ซ่ึงคือชวงที่เปนเสนประ อันนี้สําหรับทอที่ทําจาก Ferrous material ซ่ึงมี คา minimum tensile strength เทากับหรือไมเกิน 75000 psi (517 MPa) และ อุณหภูมิออกแบบทอ ไมเกิน 371 องศาเซลเซียส 8 รูปที่ 4 คา f จาก ASME Code B31.3 Edition 2004 สวนใหญแลวระบบทอในโรงงานที่เราออกแบบ จะอยูในชวงไมเกิน 7000 รอบความรอน ยกตัวอยางเชนทอ relief valves เพราะการทํางาน ของ relief valve คงไมเกิด ขึ้นบอยมาก การนับรอบความรอน ก็ใหนับทอ ที่มีของไหลทํางานอยูภายใต operating condition เมื่อ operate จนกระทั่ง shut down ครั้งหนึ่งก็ถือวาเปน 1 รอบความรอน THE OCCASIONAL STRESS คือ stress ที่เกิดขึ้นแบบช่ัวขณะ หรือ เกิดขึ้นเปนบางครั้งบางคราว ไมแนไมนอน อาจจะมีหรือไมมีก็ได เชน แผนดินไหว(seismic ) wind load, water hammer เหลานี้ยากตอการ คาดเดาวาจะเกิดเมื่อไร อยางไร รายละเอียดเกี่ยวกับ การวิเคราะหระบบ ทอเมื่อเกิดแผนดินไหว ผมจะกลาวอีกทีในบทที่ 7 Allowable stress สาํหรับกรณีนี้ ASME Code ไดกําหนดใหมีคามากขึ้น กวา Sh ประมาณ 10 ถึง 30 % หรือ 1.1Sh – 1.33Sh ขึ้นอยูกับเราใช code ไหนในการออกแบบ เชน B31.1 ใช 1.15Sh -1.2 Sh สวน B31.3 ใช 1.3 Sh เปนตน จะเห็นวา B31.1 Power Piping คอนขาง ใช safety factor สูงกวา B31.3 Process Piping 9 1.5 ขั้นตอนการ Check Piping Stress ขั้นตอนการตรวจสอบความแข็งแรง ของระบบทอ มีขั้นตอน ดังนี้ 1. คํานวณหา sustained stress (SL) ที่เกิดจาก primary load ปกติก็ คือ weight และ pressure 2. คํานวณหา expansion stress (SE) ที่มีสาเหตุมาจาก ความแตกตาง ของอุณหภูมิ 3. เปรียบเทียบ Sustained Stress ที่คํานวณไดในขอ 1 กับ allowable stress : Sh โดยที่ SL ตองนอยกวา Sh 4. เปรียบเทียบ Expansion Stress (SE) ที่คํานวณไดตามขอ 2 กบั คา allowable ดังนี้ a. B31.3 SA = f (1.25Sc + 0.25Sh) ___ (B31.3 Eq.1a) โดยถา SL นอยกวา Sh คา SA จะเทากับสูตร ดังนี้ SA = f (1.25Sc + 1.25Sh – SL ) ___ (B31.3 Eq.1b) ดังนั้น SE < f (1.25Sc + 1.25Sh – SL ) b. B31.1 SA = f (1.25Sc + 0.25Sh) _____(B31.1 Eq.1) แต B31.1 ยังบอกวา ถากรณี SL นอยกวา Sh คา allowable นี้จะ เพิ่มขึ้นเปน SA + f (Sh - Sc) คานี้ถือวาเปนคา SA ตัวใหม ดังนั้น SE < SA + f (Sh - Sc) ___ (B31.1 Eq.13b) จากที่บอกไวในกฏเกณฑขอ 3 วา SL ตองนอยกวา Sh ถึงจะ ยอมรับได ดังนั้นในความเปนไปได สําหรับ Code B31.3 เราก็จะ ได CAESAR II report ที่ใชแตสมการ Eq.1b แทนที่จะเปน Eq.1a สวน Code B31.1 เราก็จะใช Eq.13b แทนที่จะเปน Eq.1 มา ใชงาน เด๋ียวในหัวขอถัดไปเราจะไดลองคํานวณกันดู 5. หากมีกรณี occasional load เกิดขึ้น stress ที่เกิดขึ้นจะตองนอยกวา kSh โดยที่ k อยูระหวาง 1.1 ถึง 1.3 10 วิธีการขางตน จะทําเฉพาะ ทอที่เปน Critical line เทานั้น สวนทอ ที่ไม critical เชน ทอน้ําประปา ทอดับเพลิง พวกนี้อุณหภูมิ ความดันไมสูงเทาไร เราจึงจัดวา เปน Non critical line แลวทอเซอรวิส อื่นๆ หละ เราจะรูได อยางไร วาทอไหนเปน critical line อันนี้ เราจะใชหลักการในหัวขอ ถัดไป CAESAR II Output Stress Analysis Report เรามาดูกันวา CAESAR II แสดงผลการคํานวณ SL กับ Sh และ SE กับ SA อยางไร ตัวอยางนี้เปนทอ Carbon Steel ASTM A106 Grade B ใช Code B31.1 ในการออกแบบ เราจะมาพิจารณา stress ที่เกิดขึ้นทั้งระบบ และ เฉพาะจุด นอกจากนั้นผมจะยกตัวอยางแนะนําการหา Stress ที่เกิดขึ้น เฉพาะที่จุด Node 40 และ 120 เพื่อใหเขาใจ วิธีการในหัวขอ 1.5 มากขึน้ รูปที่ 5 รูปรางหนาตา ตัวอยางระบบทอทั้งระบบ ที่ทําการวิเคราะหความยืดหยุน 11 รูปที่ 5 ตัวอยางน้ีเนนความสนใจมาท่ี node 120 ซึ่งเปนจุดที่เกิด stress สูงสุดสําหรับระบบทอน้ี 12 คา Sh คือคาสูงสุดที่ยอมรับได แคเห็นตรงน้ีอยานึกวาผานจริงๆนะ มันอาจสับขาหลอกเราได รูปที่ 6 รูปที่ 6 แสดง Stress report หลังจากที่ run static analysis แลว maximum stress สูงสุดเกิดขึ้นในระบบทอนี้ กรณี sustained load อยูที่ node 120 มีคาเทากับ 7971.7 lb/sq.in (หรือ psi) คา allowable hot stress (Sh) เทากับ 17100 psi. สัดสวน stress ที่เกิดขึ้นจริง (SL) เทียบกับคาสูงสุดที่ยอมรับได (Sh) คิดเปน 46.6 % สรุปวาผานดาน step 3 ในหัวขอ 1.5 ไปไดสบายๆ แลวถาเกิดวา SL เทากับ 16000 psi ถือวาผาน หรือเปลาครับ ถาเรา ดูจาก report ตรงนี้ ผานแนนอน ครับ ทําไม ถึงจะไมผานหละครับเพเวบ มาสเตอร อืมม เฉลย เลยหละกันครับ ผมตรวจสอบจาก ASME B31.1 แลว ไม ผานเกณฑของ ASME ครับ โปรแกรม CAESAR II ทําฐานขอมูลมาผิด ทํา ใหไดคา Sh ที่ผิดไปเยอะเลย ที่จริงควรจะเปน 15000 psi ดังนั้น ผม อยากจะใหคาถากันพลาดไวสักอันหนึ่ง ซ่ีงอาจารยจอหน เอ็ม เนโดวิช วิศวกรชาวอังกฤษ ผมเดานะเชื้อสายแกคงมาจากเชคโกสโลวาเกียอะ เพราะผมเคยดูบอลอะ พวกช่ือลงทายดวย วิชๆ เชน มิโลสเลยีวิช ผมเดา เอานะ นอกเรื่องแลวเรา เอา เขาเรื่องดีกวา อาจารยจอหนผมไดมอบ คาถา สําคัญมาวา “What do you expect to see?” คือแบบนี้ เราไมควรจะเชื่อ 13 โปรแกรม เพราะมันอาจผิดพลาดได โดยเฉพาะ CAESAR II ผม feedback พวก error ตางๆใหกับทางผูผลิต มาต้ังแตเวอรชั่นดอสแลวครับ เจอทุก เวอรชั่น นั่นเปนเหตุให ผมถายทอดใหนองๆ โดยไมเนนที่การใชโปรแกรม แตเนนไปท่ีหลักการ เพราะถาสอนการใชโปรแกรม เราจะไมรูเลยวามัน คํานวณ มาถูกหรือผิด ลองผิดลองถูก เห็น คําวา stress check passed ผานก็โอเค แบบนี้เสี่ยงกับระบบทอจะพังไดครับ เรื่องการใชโปรแกรมเรา คอยวากันทีหลัง เรากินกบตัวใหญกอน ใหเขาใจหลักการกอน การใช โปรแกรมใหใครสอนที่บริษัทแปปเดียวก็เปนแลว สามารถโมเดล input run output check stress ผาน ไดสบายๆ แตกับผิด ไมมีประโยชน ดังนั้นในฐานะที่เราเปนมือใหมทางดาน piping stress กันควรทอง คาถาของอาจารย จอหน เอ็ม เนโดวิช ไวตลอดขณะที่ทํา piping stress analysis ดูวาเราคาดหวังที่จะเห็นผลเชนไร เชนทอควรจะตกทองชาง ตรง นี้ แตทําไม ทอกับโกงตัวขึ้น อะไรแบบน้ี ถามันไมเปนไปตามที่เราคาดหวัง แสดงวา มีบางอยางผิดพลาดแลว คาถานี้หละครับทําใหผมพบความ ผิดพลาดเกิดขึ้นกับโปรแกรมคอมพิวเตอรที่มนุษยสรางขึ้นมาโดยตลอด ไม วาจะเปน CAESAR II หรือ AUTOPIPE นอกจากนีย้ังใชตรวจสอบพวกขอมูลตางๆ ที่ไมใชซอฟแวร ดวยนะ ครับ เชนขอมูล nozzle load allowable ที่มาจาก vendor ตอนนั้นผมทําอยู โตโยไทย โปรเจคโรงไฟฟา TLP 110 MW ที่ระยอง vendor steam turbine ไมไดใหคา nozzle load allowable มา จึงเปนหนาที่ของเราที่ จะตองขอไป นองๆ จําไวนิดหนึ่งนะครับเวลาทํางาน เขาไมให เราก็ขอไป อยานั่งหงิก รอขอมลู พอไดขอมูลมา ปรากฏวา ไมอยากเชื่อ nozzle load ที่ยอมรับไดสูงสุดของเขามีคา กระจึ๋งเดียว ผมจําตัวเลขไมไดแลว รูสึกรับ แรงแนวต้ังฉากพื้นโลก จากทอไดประมาณ 150 N. พระเจาจอด ผมไม อยากเชื่อ ผมเอา 9.81 หาร ไดมวล เทากับ 15.3 kg. นี่ถาผมทะลึ่งเอา ถัง น้ําด่ืมโพลาลิสขนาด 20 ลิตร (ผมไมไดโฆษณาใหโพลาลิสนะ แตนึกยี่หอ อื่นไมออก) ผมเอามันไปวางบน nozzle มันก็พังแลวสิครับ steam turbine ตัวเบอเร่ิม ขี้โรคสะขนาดนี้ ผมจึงตองบอกโปรเจคเอ็นจิเนียรไปฝากบอก vendorฝร่ังวา ใหเขากลับไปคิดมาใหม สุดทายเขาก็แกไขกลับมาเพิ่มขึ้น ใหเรา นี่ฮะ ประโยชน ของคาถานี้ ไมงั้นเราตายแน แคประกอบ ทอไปที่ nozzle มันก็เกิน 150 N. แลวหละ ยังไมรวมน้ําหนัก valve กับ ของไหล เลยนะ เซียน.โคตรเซียนก็แกปญหาไมไดหรอกแบบนี้ อะไรกันแทงคน้ํา พลาสติกบานเราเมดอินไทยแลนด ยังแข็งแรงกวา steam turbine ที่ฝร่ัง มันทําเลย ผมเอาน้ําด่ืม สองสามถังไปวางมันก็ไมพังหรอก ใหตายสิจอรด ผมนอกเร่ืองไปเยอะเลย แตมันจะเปนไอเดีย ที่มีประโยชนมาก เลย อยากเสริมให หวังวา เราพอดู คา SL และ Sh เปนกันแลวนะครับ เหลือ SE กับ SA ยังไมไดเลา มาตอกันเลย 14 Allowable Stress กรณี Expansion Case SE =11034.5 รูปที่ 7 แสดงผล stress กรณี expansion case รูปที่ 7 รูปรางหนาตาคลายๆ กับ report กรณี sustained เลยนะครับ ก็ คลายกันนะสิเพ ตางกันตรงประเภท stress เทานั้น อันนี้มันเปน Expansion stress ผลคํานวณ บอกวา stress ที่เกิดขึ้นจริงๆ สูงสุด อยูที่ node 50 มีคา SE = 11034.5 psi สวนคายอมรับไดมีคา SA = 39632.2 psi ที่มาเปนอยางนี้ครับ จาก ASME Code B31.1 SA = f(1.25Sc+0.25Sh) แทนคา Sc=17100 psi และ Sh =17100 psi SA = 1(1.25x17100+0.25x17100) SA = 25650 psi แตวา SL < Sh ดังนั้น คํานวณหา allowable ตัวใหม ได ดังนี้ Allowable = SA + f(Sh – SL) Allowable = 25650+ 1x(17100-3117.8) Allowable = 39632.2 psi 15 ไมตอง งง นะครับ ที่ node 50 เนี้ยะ ผม เอาคา SL =3117.8 psi มาจาก ไหน เราตองไปดูที่ sustain stress report นะครับ ผมเอามาใหดูแลวดังรูป Figure 8 SL = 3117.8 psi รูปที่ 8 คา SL ที่ node 50 เทากับ 3117.8 psi 16 SE = 11034.5 psi รูปที่ 9 คา SE ที่ node 50 เทากับ 11034.5 psi รูปที่ 9 นีคื่อ คา expansion stress (SE) ที่เกิดขึ้นจริงที่แตหละ node สําหรับ node 50 มีคา SE เทากับ 11034.5 psi เพราะฉะนั้นจากกฏเกณฑ ในขอ 4 ที่วา SE จะตอง ไมเกิน คา allowable 39632.2 psi ก็เปนอันวาที่ node 50 นี้ expansion stress ผานแลวครับ กลับมาดูที่ node 120 อีกครั้งกันใหม ครับ คราวนี้ จะลองคํานวณ ดูวา allowable expansion stress range มีคาเทาไร จาก ASME Code B31.1 SA = f(1.25Sc+0.25Sh) แทนคา Sc=17100 psi และ Sh =17100 psi SA = 1(1.25x17100+0.25x17100) SA = 25650 psi แตวา SL < Sh ดังนั้น คํานวณหา allowable ตัวใหม ได ดังนี้ Allowable = SA + f(Sh – SL) Allowable = 25650+ 1x(17100-7971.7) Allowable = 34778.3 psi 17 ลองดู CAESAR II report ดูครับ วาตรงกับที่เราเพิ่งคํานวณไปหรือเปลา ดู รูปที่ 11 อีกวิธี ที่จะคํานวณ หาคา allowable stress range งายกวาวิธีการ ขางบนคือใชสูตรเดียวกับ ASME B31.3 เลยครับ ที่วา SA = f (1.25Sc + 1.25Sh – SL ) ___ (B31.3 Eq.1b) ลองแทนคาดูครับ เทากันไหม SA = 1(1.25x17100+1.25x17100-7971.7) SA = 34778.3 psi เพราะฉะนั้นตอไป เราสามารถใช สูตรนี้หา คา Allowable Expansion Stress Range ไดทั้ง งานออกแบบที่เปน power plant (B31.1) หรือ process plant (B31.3) เลยนะครับ รูปที่ 10 Stress report sustained stress case คา SL คา SH SL=7971.7 psi ที่ node 120 ซึ่งจะถูก นําไปคํานวณหา SA กรณี Expansion Stress 18 SA=34778.3 psi ที่ node 120 คา SA =f[1.25(Sc+Sh)-SL] รูปที่ 11 Stress report expansion stress case 1.6 วิธีการวิเคราะหความเคนในระบบทอ (Piping Stress Analysis Method) ตามหลักเกณฑของ ASME B31.3 ไดกําหนดไว 3 วิธีดังนี้ 1. By Visual Inspection หรือ His pass experience วิธีการนี้ก็คือใช ตรวจสอบโดยใชประสบการณของวิศวกรผูเช่ียวชาญเฉพาะดาน ความเคนในระบบทอ 2. Approximate Method วิธีโดยประมาณ วิธีนี้ไมมีการคํานวณโดยใช โปรแกรมคอมพิวเตอร อาจจะใช Table ,Chart สูตรคํานวณดวยมือ คราวๆ ในการวิเคราะห 19 3. Comprehensive Analysis วิธีนี้ คือวิธีที่คํานวณคา stress ที่เกิดขึ้น ทุกจุดบนระบบทอ ในสมัยยุคแลกๆ ที่โปรแกรมคอมพิวเตอรยัง ไมไดเขามามีบทบาท piping stress engineer ตองนั่งคํานวณกัน ใชเวลาเปนเดือน สําหรับทอระบบทอระบบเดียว แตปจจุบันเรามี โปรแกรมคอมพิวเตอรเขามาชวยงานมากมายหลายตัว เชน CAESAR II, Autopipe และ Editpipe ซ่ึงพัฒนาโดยบริษัท Tractebel, etc. สวนโปรแกรมที่แพรหลายและนิยมใชที่สุดใน ปจจุบัน กคื็อ CAESAR II จะเห็น Code เองกําหนดวิธีการกวางมาก ไมไดเจาะจงลงไปวา ทอ ขนาดเทานี้ อุณหภูมิเทานี้ จะใชวิธีไหนในการวิเคราะห ดังนั้น บริษัท วิศวกรรมตางๆ จึงไดสรางตาราง หรือ อาจจะเปนแผนภาพ Chart ขึ้นมา เพื่อเปนหลักเกณฑที่ชัดเจนขึ้น เพื่อที่จะสะดวกในการกําหนดวิธีการ วิเคราะหความเคนในระบบทอ และเปนหนาที่ของ piping stress engineer ที่จะตองจัดทํา critical line list ขึ้นมา เพื่อที่จะกําหนดลงไป วาทอเสนไหน ใชวิธีไหนในการ วิเคราะห ตัวอยาง Chart Stress Method ขางลางนี้ผมเอามาจากหนังสือ Process Plant Layout and Piping Design ของทานปรมาจารย Ed Bausbacher & roger Hunt คํานวณดวยคอมพิวเตอร (computer analysis) Visual Analysis or judgement Manual 10” NPS Pipe with 400 F ตัวอยางน้ีจัดวา ทอเขาขายเปน critical line จะตองทํา comprehensive หรือ computer analysis 400 F 10 20 ดูตัวอยาง Computer A riteria บาง มา ที่เปนแบบตารางnalysis C เชน ทอที่ตอเขากับ อุปกรณ พวก rotating equipment ที่มีขนาด pipe size ใหญกวา หรือเทากับ 3 นิ้ว จัดวาเปน critical line ควรที่จะทํา stress ดวยวิธี comprehensive analysis ซ่ึงบริษัทในประเทศไทย แทบทั้งหมด นิยมใช โปรแกรม CAESAR II จะมีบางบริษัทที่ใชทั้งสองโปรแกรม คือ Poyry Energy Ltd. (Thailand). บางบริษัทเชน Technip เคยใช Simflex บางบริษัท เชน Tractebel ก็ใชโปรแกรม Edit Pipe ซ่ึงพัฒนาขึ้น มาเอง เนื่องจากบรษัิทนั้นขาดการตอยอดความรูใหกับวิศวกรรุนหลังในการ ใชโปรแกรมพวกนี้ วิศวกรรุนหลังที่เขาไปทํางานจึงไมถนัดที่จะใชโปรแกรม ที่ไมเปนที่นิยมพวกนี้ จึงไดเสนอบริษัทเหลานั้นเปลี่ยนมาใช โปรแกรม CAESAR II กันหมด ดังนั้นเรื่องโปรแกรมที่เราศึกษาใชงาน ก็มีสวนในการ หางานวิชาชีพนี้เหมือนกัน chart และ ตาราง ที่ใหมาหรือของบริษัทตางๆ เปนเพียงแค guide line บางที ทอขนาด 10 นิ้ว มีอุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮท ก็อาจจะใชวิธี by visual analysis ก็ได ฝากนองๆ young piping stress engineer ไว เปน การบานไปคิดกันตอวา เปนไปไดไหม และผมจะมาเฉลยในโอกาสตอไป การพังเสียหายของทอ การพังเสียหาย เหตุการณไฟไหม บอยครั้งมีสาเหตุมาจากระบบทอ สูญเสียความสามารถในการเก็บของไหลไวไฟที่อยูในระบบทอ (loss containment) ทั้งนี้ตนเหตุอาจมาจากเรื่องความเคนในระบบทอ ดังนั้นหาก เราไมมั่นใจ ประสบการณเรายังไมเขาขั้นเทพ เราก็ใชวิธี omputer analysis ใหหมดเลย จะเซฟ กวา … จริงไหมครับ แมวา ทอนั้นจะมี อุณหภูมิ รอนเพียงแค 21 ถึง c 80 องศาเซลเซียส ก็ตามเถอะ แตในฐานะ 21 22 คนออกแบบทอมือใหมหัดขับอยางเรา ก็ตองทําใหมันแข็งแรง ทุกทอ ไมเชนนั้น ขาขางหนึ่งของเราอาจจะไปอยูในคุก แลวก็ได บทที่ 2 STATIC ANALYSIS By Piya Kittitanesuan Piping Engineer PÖYRY ENERGY LTD. (Thailand) (update 23 January 2007) สมการเชิงเสน (LINEARIZATION EQUATION) สมการ Linear คือ สมการที่มีฟงคช่ันเสนตรง เชน Y=2X+1 (1) สมการ non-linear คือสมการ ที่ไมเปนเสนตรง เชน Y=2X2 +1 (2) เมื่อ X = 1 , Y จะเทากับ 3 ทั้งสองสมการ ถาหาก X = -1 สมการ 1 จะได Y = -1 แต สมการ 2 Y จะเทากับ 3 ที่ตองทําความเขาใจเรื่องน้ีกอนเพราะโปรแกรม CAESAR II จะคํานวณโดยใชสมการ ทั้งสองแบบโดยขึ้นอยูกับวิธีการโมเดล pipe support พิจารณา สมการ 1 และ 2 ตัวแปรตน X เหมือนกัน แตผลลัพธ Y สามารถ ออกมาตางกันได การใช โปรแกรม CAESAR II คํานวณ ก็จะเปนลักษณะแบบนี้ เชนกัน เราจึงตองมาทําความเขาใจเรื่องน้ีใหดีกอน Support Type ใน CAESAR II CAESAR II จะเรียก support วา Restraint ซึ่งจะมีอยูหลายชนิดดังน้ี Restraint Type Abbreviation Anchor ANC Translational Double Acting X, Y, or Z Rotational Double Acting RX, RY, or RZ Guide, Double Acting GUIDE Double Acting Limit Stop LIM Translational Double Acting Snubber XSNB, YSNB, ZSNB Translational Directional +X, -X, +Y, -Y, +Z, -Z Rotational Directional +RX, -RX, +RY, etc. Directional Limit Stop +LIM, -LIM Large Rotation Rod XROD, YROD, ZROD 1 Restraint Type Abbreviation Translational Double Acting Bilinear X2, Y2, Z2 Rotational Double Acting Bilinear RX2, RY2, RZ2 Translational Directional Bilinear -X2, +X2, -Y2, etc. Rotational Directional Bilinear +RX2, -RX2, +RY2, etc. Bottom Out Spring XSPR, YSPR, ZSPR Directional Snubber +XSNB, -XSNB, +YSNB, etc. Linear Restraint และ Non-linear restraint - ระบบ Non-Linear Restraint ถาเรากําหนด restraint ใหเปนดังตอไปนี้ - มีคา friction - โมเดล Support รับแรง ทิศทางเดียว (Translation Directional) เชน +Y , +X , +Z, และ -Y เปนตน - ใส guide มี gap CAESAR II จะใชสมการแบบ non-linear equation มากขึน้ในการคํานวณ ซึ่งจะใช เวลาในการคํานวณนานขึ้น บางครั้ง ก็ไมสามารถ run ผลออกมาได สาเหตุเกิดจากการ มีสมการ non-linear มากไปทําใหการคํานวณใชเวลานานจนกระทั่ง CAESAR II run ผลไมออก ในกรณีเชนนี้ เราตอง พยายามลดสมการ non-linear equation ใหนอยลง เชน ใส guide ไมตองมี gap หรือ ในกรณีที่ support รองรับน้ําหนักทออยางเดียว แทนที่จะ โมเดล +Y ก็เปน Y (Translational Double Acting) - ระบบ Linear Restraint ถาเรากําหนด restraint เปน Y , ไมใสคา friction , ไม ใส gap เหลานี้ถือวาเปน ระบบ linear ซึ่งจะทําใหใชจํานวนสมการนอยลง เน่ืองจาก จํานวนสมการมีไมมากและไมซับซอน เทากับ กรณี non-linear จึงทําให CAESAR II คํานวณไดงายขึ้นและเร็วขึ้น เราจะโมเดล support แบบไหนขึ้นอยูกับวาเราได ออกแบบ support ทําหนาที่เปนแบบ ไหน เชน ใหรับน้ําหนักทอ ก็โมเดลเปน +Y แตบางครั้งเราก็ไมสามารถโมเดลเสมือน จริงได เน่ืองจากความสามารถของคอมพิวเตอรในปจจุบันยังจํากัด เราจึงไมสามารถ โมเดลระบบเปน non-linear ไดทั้งหมด ดังน้ันเราอาจตองโมเดล support บางจุด ให เปน linear restraint เชนที่จุดน้ัน รับน้ําหนักทออยางเดียว ก็ โมเดล เปน Y ตัวอยางศึกษา รูปที่ 1 ทอที่วางบน pipe rack เฉยๆ กรณีแบบนี้ นํ้าหนักทอจะตกถาย ลงสู pipe rack การโมเดล restraint ใน CAESAR II ที่เสมือนจริง ก็คือ กําหนด Restraint เปน +Y แตถา run CAESAR II แลว มีอาการ run ไมออก เราสามารถ เปลี่ยนโมเดล Restraint มาเปน Y เฉยๆ แทนได โดยท่ีไมสงผลตอการคํานวณแต อยางไร แตก็มีบางระบบเหมือนกันที่การโมเดลที่แตกตางกันจะใหผลการคํานวณตางกัน ซึ่งจะกลาวถึงในหัวขอถัดไป แตถาบางจุดเราตองการทราบผลคํานวณที่แมนยํามาก เชนsupport บริเวณ nozzle ของ equipment เราก็ควรโมเดลเปนแบบเสมือนจริง 2 รูปที่ 1 ทอขนาดใหญสีเขียว คอืทอที่เรากําลังทํา piping stress analysis รูปที่ 2 การโมเดล restraint ที่ node 60 เปนแบบ non-linear restraint 3 รูปที่ 3 การโมเดล restraint support ที่ node 60 เปน แบบ linear restraint รูปที่ 4 ผลการคํานวณโหลด กรณี โมเดล support ที่ node 60 เปน non-linear restraint 4 รูปที่ 5 ผลการคํานวณโหลด กรณี โมเดล support ที่ node 60 เปน linear restraint จากรูปที่ 4 และ 5 จะเห็นวา ทั้งสองกรณีใหผลการคํานวณเหมือนกัน เพราะฉะนั้น บาง ระบบเราสามารถโมเดล support เปนแบบ linear ได บางกรณี ผลการคํานวณ ทั้งสองกรณี ก็แตกตางกัน โดยเฉพาะเมื่อทอยกตัวลอยออก จาก pipe support หรือที่เราเรียกกันวา Lift Off ดังตัวอยาง ระบบทอตอไปนี้ พิจารณา รูปที่ 6 กับ 7 ตางกันที่ support type ที่ node 740 5 รูปที่ 6 ที่ node 740 โมเดล Support เปน แบบ +Y (Non-Linear Restraint) รูปที่ 6 น้ี ณ จุด support node ที่ 740 เราทําการโมเดล เปนแบบ +Y ซึ่งใหผล คํานวณ ออกมา ดังรูปที่ 7 รูปที่ 7 ผลลัพธจากการ run result ที่ node 740 เปน แบบ +Y (Non-Linear Restraint) 6 รูปที่ 8 ที่ node 740 โมเดล Support เปน แบบ Y (Linear Restraint) รูปที่ 8 น้ี ณ จุด support node ที่ 740 เราทําการโมเดล support เปนแบบ double acting Y ซึ่งใหผลคํานวณ ออกมา ดังรูปที่ 9 รูปที่ 9 ผลลัพธจากการ run result ที่ node 740 เปน แบบ Y (Linear Restraint) จะเห็นวา โหลดที่กระทํา ตอ support ที่จุด 740 ไมเทากัน ซึ่งจะสงผลไปตอ โหลดที่กระทําตอ nozzle node number 3001 ดังรูปที่ 10 และ 11 7 รูปที่ 10 ผลลัพธโหลดที่กระทําตอ nozzle node 3001 เมื่อโมเดล support node 740 เปน แบบ +Y รูปที่ 11 ผลลัพธโหลดที่กระทําตอ nozzle node 3001 เมื่อโมเดล support node 740 เปน แบบ Y จากผลลัพธของโหลดในรูปที่ 10 และ 11 เปรียบเทียบกันจะเห็นวา กรณี โมเดล support ที่ node 740 เปนแบบ double acting จะสงผลให nozzle load ที่เกิดขึ้นสูง กวาปกติ ใน case 4(OPE) และ case 5(OPE) ดังน้ัน บริเวณ ที่ใกล nozzle เราควร โมเดล support ใหเหมือนจริง เพื่อผลการคํานวณที่ถูกตอง 8 บทท่ี 3 Pipe Rack and Expansion Loop By Piya Kittitanesuan Lead Piping Engineer Pöyry Energy (Thailand) Ltd. (Rev1 : update 19 February 2007) Pipe Rack คือ โครงสราง (structure) ที่รับน้ําหนักทอที่ใชในการ ขนถาย (transport) ของไหล ที่เปน process และ utility จาก หนวยหนึ่งไปยังอีกหนอยหนึ่ง นอกจากนัน้ยังเปนโครงสรางที่รองรับน้ําหนักสายเคเบิ้ลของไฟฟาและเครื่องมือวัดดวย รูปที่ 1 Pipe Rack 3D Model Create by PDMS ปญหาที่พบเห็นเมื่อเราออกแบบ support หรือ restraining lines บน pipe racks ก็คือ - ทอแตละเสน มีอุณหภูมิแตกตางกัน บางเสนเย็น บางเสนก็รอน เชน ทอไอน้ํา จะมีอุณหภูมิรอน แตทอ cooling จะเย็น - ความแตกตางของขนาดทอ เชน ทอ main cooling water supply and return line มีขนาดใหญ สวนพวก ทอลม เชน service air , instrument air มักมีขนาดเล็ก - ผลกระทบเนื่องจากทอยืดขยายตัวเนื่องจากความรอน ทอขนาดใหญและ รอน จะมีผลกระทบมาก - ทอแตละเสนขนถายของไหลตางชนิดกัน ของไหลมีความหนาแนแตกตางกัน สิ่งสําคัญที่สุดที่ตองพิจารณา ในการออกแบบระบบหนุนรับทอ (support) บน pipe rack ก็คือ การควบคุมการขยายตัวของทอเนื่องจากความรอน ดังนั้นการออกแบบ ที่ดี จะทําใหภาระโหลดกระทําตอโครงสราง pipe rack นอยที่สุด นั่นคือความประหยัด ทางดานโครงสราง pipe rack หลังจากที่ศึกษาบทนี้จบ ผูเขียนหวังวา เราจะบรรลุวัตถุประสงคตอไปนี้ 1 ออกแบบระบบ support บน pipe rack ได optimize ดังนี้ ทําให pressure drop นอยที่สุด และ ทําให ภาระโหลด ที่กระทําตอโครงสรางนอยที่สุด 2 รูวา จะสงขอมูลอะไรแก วิศวกรโครงสราง (Structure Engineer) เพื่อ ออกแบบ pipe rack ใหแข็งแรงรับภาระโหลดของทอได กอนที่ Piping Stress Engineer จะวิเคราะหปญหาความเคน ควรเขาใจพื้นฐาน การออกแบบทอบน Pipe Rack ใหดีกอน จึงสามารถวิเคราะหและ แกปญหาความเคน ไดอยางเหมาะสม ซ่ึงหลักการออกแบบพื้นฐานที่ควรรูมีดังตอไปนี้ 3.1 Pipe rack design for process plants กอนที่เราจะออกแบบจัดทอบน piperack เราตองมีขอมูลตอไปนี้กอน • Flow diagram • Plot plan • Specification • Project-design data 3.2 ตําแหนงการจัดวางทอ บน Pipe Rack (Line Location In The Pipe Rack) โดยทั่วไปทอที่วางอยูบน pipe rack สามารถจัดแบง ไดดังนี้ • Process lines • Utility lines เชน plant air, instrument air,fuel oil, fuel gas, chemical treating, boiler feed water เปนตน หลักการ design “CHANGE ELEVATION WHEN CHANGING DIRECTION” ซ่ึงมีหลักการพื้นฐานจัดวางทอบน Rack ดังนี้ • LINE ใดเลี้ยวลงซาย ก็ใหวางไวอยูดานซายของ pipe rack สวน line ไหนหัก ลงขวาก็ใหอยูดานขวา • เมื่อมีการเปลี่ยนทิศทางเดินของทอควรใหมีการเปลี่ยนระดับเพื่อหลีกเลี่ยงการ ขวางทางเดินของทออื่นๆ • ถา rack มีหลายชั้น ควรกําหนดให rack ชั้นบนเปน ทอบริการ (utilities line) เชน Instrument Air, Service Air, Service Water, Fire Water Line เปนตน และ rack ชั้นลางเปน ทอ process • โดย ทั่วไป line utility จะวางไวตลอดทั้งแนว piperack เพื่อคอยบริการหนวย ตางๆ ไดอยางทั่วถึง รูปที่ 2 • ถาเราสามารถวางทอบน Rack เพียงชั้นเดียว เราอาจจัดทอ ไดตามรูปที่ 2 แต ถาจํานวนทอมีมากจนไมสามารถจัด Rack ไดเพียงชั้นเดียวเราสามารถจัดทอเปน สองชั้น ไดดังรูปที่ 3 รูปที่ 3 เมื่อ Piping Designer ออกแบบทอบน Rack ขั้นตนแลว จึงสงแบบใหกับ Piping Stress Engineer เพื่อทําการกําหนดชนิดหนาที่การทํางานของ pipe support วาเปน อะไร เชน Line Stop, Guide and Resting Support และหากพบวา Piping Designer จัดวางทอยังไมดีพอตามหลัก pipe stress ก็ตองแนะนําการจัดวางทอที่ดีที่สุดกลับไป ยัง Piping Designer ความรูที่จะถายทอดตอไปนี้ เนนใหผูศึกษาลดการพึ่งพาการใชโปรแกรม คอมพิวเตอรโดยไมจําเปน วิธีการตางๆ นํามาจากประสบการณจริงในการทํางาน ซ่ึงถือ เปนทักษะขั้นสูงที่จะตองทําใหเกิดขึ้นใหได ดูไดอยางไรวาทักษะเราสูงแลวหรือยัง หากวิศวกรยังพึ่งพาการใชโปรแกรมคอมพิวเตอรชวยทํางานอยู นั่นก็แสดงวาทักษะเรา ยังพัฒนาไปไดอีก ยังถือวาอยูในระดับปานกลาง ระดับเซียนแลวจะแกปญหาเรื่องนี้โดย ไมใช โปรแกรมสําเร็จรูปอยาง CAESAR II หรือ AUTOPIPE เลย 3.3 ขั้นตอน การเลือกใส ชนิดของ restraint สําหรับ line บน pipe rack 1. หาอุณหภูมิการออกแบบ (design temperature) ของทอแตละเสน จากเอกสารที่ เกี่ยวของ เชน Line List, P&ID’s 2. คํานวณหา ระยะการขยายตัวมากที่สุดทอแตละเสน โดยการคูณ ความยาว ดวย อัตราการขยายตัว ( thermal expansion rate ) อาจใชเกณฑดังนี้ • โรงงานที่กอสรางใหม เราสามารถเผื่อทอขยายตัว ไดมากถึง 300 มม. • โรงงานเกา (existing plant) และมีพื้นที่ไมมาก อาจเผื่อไวไดถึง 200 mm. ซ่ึง ตองดูพื้นที่จริงอีกท ี 3. เราจะควบคุมการขยายตัวของทอ ดวยการใส line stop และ เพิ่ม expansion loop 4. การพิจารณาเพิ่ม expansion loop นั้นเราจะควบคุมดวยการขยายตัว (thermal expansion) ดวยหลักการสี่อยางตอไปนี้ a) การชนกัน (pipe clash) รูปที่ 4 b) ระยะยืดขยายตัวที่จุด Branch connection รูปที่ 5 c) ความยาวของ Shoe ความยาวของ shoe จะตองยาวเพียงพอเพื่อไมใหตกจากคาน(beam) ผูออกแบบมักจะลืมหรือไมรูตรงจุดนี้อยูบอยๆ ทําใหเกิดปญหา เมื่อทอเกิดการ ขยายตัวยืดจน shoe ตกลงมาแลวไมสามารถกลับสูตําแหนงติดต้ังไดเมื่อทอเย็น ตัวลง รูปที่ 6 d) pipe space เนื้อที่ชองวางระหวางทอ รูปที่ 7 หลักการทั้งสี่นี้จะกลาวถึงอยางละเอียดในหัวขอถัดไป 5. เพื่อความรวดเร็วในการทํางาน เราจะใช charts มาชวยในการหาขนาดของ loop แต ถาบริษัทของทาน ไมมี chart เอาไวใช ทานก็ตองคํานวณหาขนาด loop เอาเอง ซ่ึงวิธีการคํานวณ จะไดกลาวถึงตอไป แตโดยทางปฏิบัติแลวเราไมนิยมการคํานวณ เพราะทําใหเราทํางานไดชา ไมทันการ 6. ในการตัดสินใจวาทอเสนใดตองการ line stops และจะใสไวที่ตําแหนงไหน ให พิจารณาดังตอไปนี้ • สําหรับทอที่ไมจําเปนตองมี expansion loop ใหใส line stop ไวตรงกลาง ทอมากที่สุดเทาที่จะทําได เพื่อใหเกิดการ balance friction force ซ่ึงจะชวย ใหแรงที่กระทําที่จุด stop มีคานอยที่สุด • ทอเสนใดที่ตองมี expansion loop จะตองมี line stop อยูทั้งสองขาง ของ expansion loop ดังรูปตัวอยาง ซึ่งระยะที่จะใส line stop จะกลาวถึงในตอน ตอไป รูปที่ 8 ตวัอยาง ตําแหนงการติดตั้ง line stop and guide สําหรับ expansion loop 3.4 How to Design Expansion Loop ในระบบทอที่มีอุณหภูมิสูง อยางเชนทอไอน้ําความดันสูง จะมีการยืดตัวของทอ สูงมาก แรงและโมเมนต ก็สูงมากเชนกัน ถาหากระบบทอไมไดออกแบบใหมีความ ยืดหยุนดีพอ จะทําใหเกิดการพังเสียหายอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้นแนนอน เชน • ทอ บิดโคงงอ เห็นไดอยางชัดเจน • ฉนวนทอพัง ยุบ หรือ ฉีกขาด • ผนังกําแพงคอนกรีตถูกทอขยายตัวดัน จนแตก • Support พัง เชน รอยเชื่อมขาด หรือ อาจจะโกงงอ เสียรูป เปนตน • มีกาซ หรือของเหลว รั่วไหลออกมาจากหนาแปลนทอ หรือ หนา แปลน อุปกรณตางๆ เชน equipment , valve • Pipe rack ลมพังทั้งแถบ ปญหาเหลานี้ มีใหเห็นมากในเมืองไทย รายแรงสุดก็โรงงานระเบิด ไฟไหม ปญหาสวนหนึ่ง มาจากเรื่อง piping stress แตเวลาทําการพิสูจน หาสาเหตุ เชื่อวา เจาของงานอีกมากทีไ่มทราบวาปญหาเหลานี้เกิดจากบริษัท รับเหมา ออกแบบระบบ ทอมาไมไดมาตรฐานดี ดังนั้นวิศวกรเจาของโรงงานควรจะมีความรูจริง ในเรื่องการ ออกแบบอยูบาง โดยเฉพาะเรื่อง piping stress analysis ตางประเทศเขาให ความสําคัญกับเรื่อง stress analysis มาก เพราะเปนสวนหนึ่งของ เรื่องความปลอดภัย หากเจาของงานไมมทีีมวิศวกรคอยตรวจสอบการออกแบบเอง ก็สามารถวาจางบริษัทที่ ปรึกษามาเปนผูตรวจสอบงานบริษัทรับเหมาอีกที การที่จะทําใหระบบทอมีความยืดหยุน (flexiblility) เพียงพอ มีหลักการอยู สอง ประการ คือ 1. เปลี่ยนทิศทางการเดินของทอ เชน ทํา expansion loop 2. ถาไมเปลี่ยนทิศทางการเดินของทอ ตองติดอุปกรณชวย เชน expansion joint หรือบางคนจะติด spring support ก็ยังชวยใหทอ ยืดหยุนไดเลย แตวา spring ชวยเฉพาะ ในแนวตั้งฉากกับพื้นโลกเทานั้น เนื้อหาบทนี้ผูแตงจะกลาวถึง เรื่อง expansion loop เพียงอยางเดียว สวนเรื่อง ของ expansion joint ไมขอกลาวถึงในบทนี้ What are important basic for design expansion loop ? ตามที่เคยกลาวไปแลว สิ่งที่สาํคัญในการพิจารณา ออกแบบ expansion loop มี 4 ประการ ดังตอไปนี้ 1 การชนกัน (Pipe Crash) การยืดขยายตัวของทอ ทําใหเกิดปญหาตางๆ มากมาย เชน • ทอยืดไปชน กับทออืน่ • เกิดแรงเสียดทาน (friction force) กระทําตอโครงสราง Pipe Rack ถาออกแบบ ไมดีจะเกิดการสะสมกันของแรงเสียดทาน ขนาดเปนตันๆ เลยทีเดียว เราสามารถควบคุมการชนกันของทอได โดยหาระยะหางระหวางทอที่เหลือ แลวจงึ ไปกําหนด จุด stopper หรือ anchor ซึ่งควรจะออกแบบใหวางอยูบน main column เพราะ โหลดที่กระทําบนจุด fixed point นั้นจะสูงมาก เนื่องจากมันเปนจุดรับแรงสะสม ของแรงเสียดทาน ถาโหลดสูงเกินขนาด 10 kN ควรจะ แจงใหทาง CIVIL ทราบ เพื่อที่ สามารถออกแบบ pipe rack ไดแข็งแรงเพียงพอกับโหลดจากระบบทอได แรงเสียด ทานขนาด 10 kN หรือ 1 ton ก็ประมาณรถกระบะหนึ่งคัน ทอทําใหเกิดแรงในแนวราบ ไดขนาดนี้เลยทีเดียว สิ่งที่วศิวกรใหมควรระวัง คือการใชโปรแกรมคอมพิวเตอร แกปญหา โดยสนใจแตผลของความเคนใหผาน แตละเลยแรงเสียดทาน ซึ่งจะมีคา มากมายมหาศาล หากออกแบบผิดหลัก ก็จะเกิดการสะสมกันของแรงเสียดทานขนาด เกิน 100 ตัน เลยทีเดียว ซ่ึงอาจทําให Pipe Rack ลมพังทั้งแถบ ก็เปนได หากวา Piping Stress Engineer ไมไดสงผลโหลดให Structural Engineer รูปที่ 9 ตัวอยางการคํานวณหา ระยะหางที่เหลือระหวางทอ และการบอกโหลดที่ line stop ใหทาง Structural Engineer 2 ระยะยืดตัวที่จุด branch connection ของทอ ใชหลักการ เหมือนขอหนึ่ง คือตอง หาระยะ X กอนแลว จึง ไปกําหนด จุดที่จะใส stopper รูปที่ 10 3. ความยาว ของ shoe (Shoe Length) เราจะเห็นบอยในโรงงาน นั่น ทาํไม ทอมัน ยืดขยายจนตก support หรือ beam ก็เพราะไมมีการคํานวณ การยืดขยายตัว ของทอ เมื่อทอเย็นตัว ระยะที่ยืดไปมันก็จะหด ตัวกลับสูปกติ ทีนี้มันก็จะดึงงัดตัว support หรือ beam จน พัง ได ทุกวันนี้ปญหานี้ก็ ยังมีใหเห็นอยูนะครับไมใช วาจะหมดไป ตราบใดที่ บริษัท contractor ยังขาดแคลน piping engineer ที่มีความเขาใจ เรื่อง piping stress analysis จากรูปที่ 11 เราตองพิจารณา อะไรบาง 1. ออกแบบให มีระยะ Shoe วางอยูบน Beam อยางนอย 50 mm. ก็จะทําใหทอ วางอยูบน beam ไดอยางมั่นคง 2. หา ระยะยืดตัวสูงสุด ที่ยอมรับได (allow thermal movement) กรณี สมมติ เทากับ 250 mm. ทอจะไมยืดไปชน กับทออื่น และไมตก beam 3. เปรียบเทียบระยะยืดตัวจริงกับระยะสูงสุดที่ยอมรับได ถานอยกวา ทอก็จะไมตก หลนจาก beam ถามากกวา ตองออกแบบตําแหนง stopper ใหม ถาทําไมได อาจจะทํา expansion loop เพื่อเพิ่ม flexibility ใหกับระบบทอ รูปที่ 11 4. Pipe Space ในกรณีที่เราออกแบบ existing plant ดังนั้น thermal ovement ก็จะถูกกําหนด โดย pipe space หลักการออกแบบก็ใช หลักเดียวกับ ขอ 1 การ design expansion loop การออกแบบ expansion loop ที่เหมาะสม จะทําให ภาระโหลดทอนอยที่สุด และ ไมสูญเสียความดันในระบบทอ(pressure drop) มากเกินไป ซ่ึงมีวิธีการดังนี้ พิจารณาจากรูปขางลาง ทอ 6” มีฉนวนหนา 50 มม. และทอ 10” มีฉนวนหนา 70 มม. คํานวณระยะที่เหลือ ที่พอจะใหทอยืด ได X = 150 mm. รูปที่ 12 ระยะหางระหวางทอทีเ่หลือ X = 150 mm. • หากทอยืดขยายตัวเกินคาจํากัด (150 มม.) ใหเราใส expansion loop ไวตรงกลาง ซ่ึงจะทําใหทอขยายตัวไปสองฝงเทาๆกัน ดังรูปที่ 13 รูปที่ 13 • ในกรณียืดตัวอยูในคาจํากัด 150 มม. เราสามารถใส Line Stop ตรงกลาง ไดเลย ดังรูปที่ 14 ปลายทอทั้งสองดาน ก็จะยืดออกไปทั้งสองดานเทาๆ กัน ดานหละ 75 มม. รูปที่ 14 • ถาตองการ Loop เพียง 1 Loop สามารถจัดสัดสวนตางๆ ออกเปน 4 สวน ดังรูปที่ 15 รูปที่ 15 • ถาหากตองมี Loop มากกวา 1 Loop สามารถจัดสัดสวนออกเปน 6 สวน ดังรูปที่ 16 รูปที่ 16 การกําหนดระยะ anchor point เมื่อมี expansion loop จํานวน 2 loop การทํางานเราไมควรจําวาจะแบงสัดสวนเปนเทาไร แตใหจําเฉพาะหลักการ ดังนี้ Step 1 วาดรูป ทอที่มี Loop ตามจํานวนที่ตองการ Step 2 กําหนด ตําแหนง Line Stop สองดานของ Loop Step 3 แบงสัดสวน ไดดังนี้ ระยะจาก Line Stop ถึง Line Stop ที่ครอม Loop แบงได สองสวนเทาๆกัน และ ระยะ Line Stop ถึง มุมปลายทอดานนอก เปน 1 สวน Step 4 นับทั้งหมดมีกี่สวน ลองดูนะวา Loop 4 Loop จะแบงไดเปนกี่สวน ถาไมได 10 ดังรูปที่ 17 ก็แสดงวาผูแตง ยังถายทอดไมดี รูปที่ 17 การกําหนดระยะ anchor point เมื่อมี expansion loop จํานวน 4 loop คําถามทายบท 1. ถาตองการ Loop 3 Loop จะแบง เปนกี่สวน ตอบ (8 สวน) 2. ทําไมถึงพยายามแบงสัดสวนใหเทาๆกัน ตอบ (การแบงสัดสวนเทาๆ กันจะมีผลทําให แรงที่ Line Stop นอยที่สุด) 3. จงคํานวณหา Friction Loads ดังรูปขางลาง ตอบ (ศูนย) บทที่ 4 Pipe Support Design (last update 20 March 2002) Stress analysis work is the Piping Engineer ‘s role to solve thermal, dead weight and vibration problems in piping and equipment. Key ♥: 1. Thermal 2. Dead Weight 3. Vibration Now we are going to learn about how to solve the problem. One thing important to understand for Piping Engineer is Pipe Support Design. Introduction to Pipe Support Design Definition 1) Anchors is a mechanical connection (welded and/or bolted) between a pipe (or Exchanger,etc.) and a structure. Key : a structure or Pipe Support must be strong enough so that it cannot bend excessively under large forces. Example : Let’s Trainee See TTCL Pipe Support Standards 2) Full Anchors will not allow the pipe to move or twist in any direction at the point it is anchored. 1 3) Directional Anchors stops movement parallel to the center line of the pipe, but permits sideways pipe motion sideways motion is allowed 4) Guide stop sideways movement of a pipe , but allows movement parallel to the pipe’s centerline movement permitted 5) Rest Supports prevents downward motion of a pipe. If the weight of the pipe acting down on the support is great enouh, upward motion of the pipe may not be possible. Restraint Equipment Most equipment is anchored to a foundation. Therefore equipment nozzles are also anchors. Generally they are full anchors. The anchors are mechanically rigid but may have additional expansion when the equipment is hot. Even if the equipment. Is not bolted down, the weight may be great enough to make the equipment an anchor point. 2 I would say the greatest thing for you as in box below : ♥ Greatest Thing “ The free thermal expansion does not depend on the piping arrangement but depends only on the relative locations of the anchor points.” I show you how it ‘s come. Please see the example below. Example 1 Find the thermal expansion between the tower and the drum. pipe carbon steel A106 Gr.B at 200 °C (coefficient of expansion = 2.2 mm/m.) N 20 m. ∆1=44 mm. ∆2 = 33 mm. 15 m Anchor Point Answer In the E-W Direction the expansion to be absorbed is : ∆1 = α L = 2.20 x 20 = 44 mm In the N-S Direction the expansion to be absorbed is : ∆2 = α L = 2.20 x 15 = 33 mm 3 Example 2 Same as before , except change the anchor end of the drum. N 20 m. ∆1= 22 mm. ∆2 = 33 mm. 15 m Anchor Point 10 m. Answer In the E-W Direction the expansion to be absorbed is : ∆1 = α L = 2.20 x 10 = 22 mm In the N-S Direction the expansion to be absorbed is : ∆2 = α L = 2.20 x 15 = 33 mm The N-S expansion of example1 have not been changed from the example 2. The E-W expansion was reduced considerably by just shifting the anchor end of the drum. “ Did you see the free thermal expansion does not depend on the piping arrangement.” 4 Pipe Support Design – Rest Support 5 บทท่ี 5 SPRING HANGER DESIGN By Piya Kittitanesuan Lead Piping Engineer Pöyry Energy (Thailand) Ltd. ( update 22 January 2007) Spring ที่ใชในงานออกแบบระบบทอ มี อยู 2 ชนิด ดวยกัน คือ 1. Variable Spring spring ชนิดน้ี spring load จะมีการเปลี่ยนแปลง โดยขึ้นอยูกับระยะ vertical movement ของ spring จึงเรียกกันวา variable spring รูปที่ 1 ตวัอยาง variable spring support (ที่มา บริษัท Pipe Supports Limited) 2. Constant Spring Spring ชนิดน้ีถูกออกแบบมาให spring load ไมมีการเปลี่ยนแปลง ไปตามระยะ vertical movement ไมวา movement จะเกิดขึ้นเทาไรก็ตาม load ยังคงเดิม จึงเรียกกัน constant spring รูปที่ 2 ตัวอยาง constant spring support (ที่มา บริษัท Pipe Supports Limited) 1 จะเห็นไดวา spring ถูกเรียกตามการเปลี่ยนแปลงของโหลด ถาโหลดไมเปลี่ยนแปลงก็เรียก constant ถาโหลดเปลี่ยนก็เรียก variable คราวนี้มาดูหนาที่ของ spring ในบทนี้ จะกลาวถึงเฉพาะ variable เพียงอยางเดียว หนาที่ของ spring 1. เพื่อรักษา สมดุล ของระบบทอ หลังจากที่ทอมีการขยายตัว จากตําแหนงติดตั้ง (installed) ไปยัง operating หรือ บางที ก็เรียกวา จากตําแหนง Cold ไปยังตําแหนง Hot 2. อนุญาติใหมีการเคลื่อนที่ของทอ จากตําแหนง cold ไป hot ได ตางจาก rigid support ตรงที่ไมยอมใหทอ ขยายตัว เคล่ือนที่ไดงายๆ 3. spring สามารถทําให stress range ลดลงในระบบทอได ดวยเหตุน้ีน่ีเอง stress engineer ที่ประสบการณในการแกปญหา stress ยังไมมากพอ มักเลือกติด spring เพื่อ ทําให expansion stress ที่เกิดขึ้น ไมเกินคา allowable limit ซึ่งยังเปนเทคนิคทาง วิศวกรรมที่ไมดีนัก เมื่อไรเราจงึติดตัง้สปรงิ (WHEN WE INSTALL A SPRING) - เราสามารถ นํา spring มา ลด Forces & Moment ที่ กระทําตอ Nozzle ลงได จึง นํา spring มาติดดั้ง ใกลๆ nozzle ของ equipment เพื่อ จํากดั load ไมใหเกินคา limit ยกเวน equipment น้ันเปน พวก rotating equipment เชน pump, steam turbine driven ไมควรจะติดตั้ง spring ใกลๆ มัน เพราะจะทําให equipment สั่นสะเทือนไดงาย - เราสามารถ นํา spring มาชวยแกปญหา settlement ได เชน ถัง (Tank) ที่ไมไดตอก เสาเข็ม (piling) นานๆ ไปหลายปอาจเกิดการทรุดตัวของดิน (settlement) ถาหากเราติด rigid support เพื่อรองรับน้ําหนักทอกอนเขา tank อาจทําให flexibility ไมเพียงพอ มีวิธีการเลือกใช VARIABLE and CONSTANT กันอยางไร - ถา vertical movement ไมเกิน 70 mm ใหเราเลือกใช variable spring - ถา vertical movement เกิน 70 mm ให เราใช constant spring แทน variable spring Spring ไมควรติดตัง้ทีใ่ด - ที่ rotating equipment เชน pump เพราะวาจะทําให pump สั่นได บางทานอาจเลือก ติด spring ใกลๆ หนา pump เพื่อหวังทําให ระบบทอยืดหยุน โหลดที่กระทําลดลง ซึ่งดู เหมือนจะดี แตที่จริงแลว เปนวิธีที่ไมดี เพราะมันจะทําให ทอสั่นสะเทือนไดงายขึ้น เน่ืองจากปกติปม ก็เปนแหลงกําเนิดการสั่นสะเทือนอยูแลว ยิ่งติด spring เขาไป ยิ่งไปทํา ใหขนาดการสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้น ถาหากสั่นจนกระทั่งถึงความถี่ธรรมชาติ ของระบบ ก็จะทํา ใหระบบทอสั่นสะเทือนอยางรุนแรงและพังเสียหายไดทั้งทอและ pump - reciprocating compressor เหตุผล ที่ไมควรติด ก็เชนเดียวกับ พวก rotating equipment เชนกัน - บน pipe rack ไมควรจะติด spring เลย จากประสบการณที่ทํางานมา เคยเห็น piping engineer ชาวตางประเทศ หลายสัญชาติ ทําการติดตั้ง spring บน pipe rack มากมาย หลายบริษัท แมกระทั่ง ที่ expansion loop ก็ยังมีเห็นติดตั้ง ถาหากเราพบเห็นการ ติดตั้ง spring บน pipe rack แลว พอจะคาดเดาไดเลยวา ผูออกแบบระบบทอขาดความรู เรื่อง piping stress อยางมาก เราอาจจะเคยคิดวาชาวตางประเทศ น้ันเกง โดยเฉพาะ 2 ฝรั่ง แตความจริงแลว ชาวตางชาติน้ันมาเรียนรู know how ทางดานนี้กับคนไทยนาน หลายปแลว - จุดที่ มีการแปลงเปลี่ยนการเคลื่อนที่ในแนว vertical เล็กนอยมาก น่ีก็เห็นประจํา ทอ ขยายตัว move แค 1 mm ก็ติด spring แลว เห็นบอย จริงๆ ไมไดพดูเลน โดยเฉพาะ พวกฝรั่งน่ันหละ เขาชอบติดกันจัง การติด spring ควรติดตั้งเมื่อจําเปนเทานั้น ยิ่งตดินอย เทาไร ยิ่งเปนการออกแบบที่ประหยัด แลว ยังลดการซอมบํารุง ลงดวย นอกจากนั้นแลว ไมตองเสี่ยงตอการที่ load เปลี่ยนไป เน่ืองจากการลาของ coil spring อีกดวย ดีไปหมดเลย สูตรที่ใช คาํนวณ แรงสปริง การคํานวณหา Installed Load (Cold Load) Cold Load = Hot Load + ( movement x spring rate ) a) ถา spring movement up ( เชน y=+10 mm. ) จะได สูตร เหมือนเดิม เปน Cold Load =Hot Load + (movement x spring rate) b) แตถา spring movement down ( เชน y = -10 mm. ) จะไดสูตร ดังน้ี Cold Load =Hot Load - (movement x spring rate) หมายเหตุ Hot Load หรือ Operating load คือ load ที่เกิดขึ้น ขณะ operating Cold Load หรือ Installed load คือ load ที่เกิดขึ้น ขณะ installation การคํานวณหา Load Variation Load Variation = |Hot Load - Cold Load| = |spring rate x movement| Hot Load Hot Load ในการเลือก spring ไมควรให load เปลี่ยนแปลงเกิน 25 เปอรเซ็นต หาก Load variation เกิน 25 % ควรกลับไปทําการแกปญหา stress ใหมอีกครั้ง การเลือก Spring จาก Table (ยกตัวอยาง ตารางของ comet spring) ตารางที่ 1 เปน ตาราง คาโหลด สปริง ขนาดตางๆ ของยี่หอ pipe supports ( แตเดิมช่ือ ยี่หอ comet ) ซึ่งเปนผูผลิตสปริง รายใหญแหงหนึ่งของโลก และ มีโรงงานอยูที่ไทยดวย ดังน้ันผูแตงจึง ไดนํา สปริงยี่หอน้ี มาใหไดศึกษากัน กอนที่ จะเลือกใชขนาดเบอรสปริงใหเหมาะสม เราตองรูคา Hot Load, movement และ load variation (load variation น้ันเราจะเปนผูกําหนด วาจะใหไดมากที่สุดเทาไร ปกติ ผูผลิต แนะนําไมควร ใชเกิน 25 %) 3 Step 1 – คํานวณหา คา maximum spring rate จากสูตร Max. spring rate = Variation x Hot Load Movement Step 2 – นําคา hot load ที่ได มากําหนดหา ขนาดของ load โดยหาจาก column ในตาราง Step 3 – สําหรับขนาด size spring, เลือก series ของ spring ดวย spring rate ที่ตํ่ากวา ที่คํานวณไดใน step ที่ 1 Step 4 – คํานวณหา cold load จาก สูตร CL = HL + kx แลวก็ดูดวยวา cold load ที่ได ตกลงอยูใน working range ของ spring size นั้นหรือปลาว Step 5 - ถา cold load ไมอยูใน range ใหเราพยายาม หา spring size อื่นใหม ตัวอยาง สมมติ hot load = 5316 N และ travel จาก ตําแหนง cold ไปยัง hot = 37.3 mm up, กําหนดให load variation = 25 % วิธีทํา Step 1 – max. spring rate = (0.25 x 5316) /37.3 = 35.6 N/mm Step 2,3 – คา hot load เราเทากับ 5316 ดังน้ันลอง เลือก spring size V3-16 ซึ่ง spring rate =18.2 N/mm. Step 4 – cold load = 5316 + 18.2 x 37.3 = 5995 N. Step 5 – จะเห็นวา cold load เกินคา max จนตก อยูในชวงที่เรียกวา over travel น่ันหมายความวา spring ที่เราเลือกน้ัน ออนไป เพราะฉะนั้น ตองเลือก size ใหม ใหเหมาะสม กวานี ้ 4 ตาราง 1. ตารางสปริงโหลด (ที่มา Pipe Support Ltd.) 5 ลองเลือกใช size V3-17 ซึ่ง มี spring rate = 22.6 N/mm (ตัวนี้ spring แข็งกวา) Step 3 – cold load = 5316 + 22.6 x 37.3 = 6158 N (OK load ไมเกินคา maximum) Check load variation = | 5316 –6158| / 5316 = 0.158 or 15.8 % OK เลือก อันนี้แหละครับ การเตรียม Spring Data Sheet ขั้นตอนตอไปคือการจัดเตรียม spring data sheet เพื่อที่เราจะไดทําใบ ขอราคา จากทาง vendor เพื่อที่จะใหเขา เสนอราคามาใหกับเรา กอนที่เราจะทําการ สั่งซื้อ คาตางๆ ที่จะตองกรอกใส data sheet คือตัวที่อยูภายใน เครื่องหมายวงเล็บ ( ) ดังตาราง ที่ 2 คาเหลานี้เราไดมาจากโปรแกรม CAESAR II โดยไปที่ Static Output Report ดังรูปที่ 1 ซึ่งเรา สามารถสั่งโปรแกรมใหแสดงผานหนาจอคอมพิวเตอรแบบ Text ธรรมดา หรือจะใหแสดงผาน โปรแกรม MS Word ก็ได ดังรปูที่ 2 และ 3 รูปที่ 1 6 รูปที่ 2 รูปที่ 3 ขอสังเกตุ Spring Output Report ที่ CAESAR II แสดงออกมา ดังรูป 2 และ 3 ไมได แสดง Movement ครบทั้ง แกน X และ Z เพราะวามันไมไดใชในการคํานวณแตอยางใด แตวา piping stress engineer จะตองเช็คคานี้ สาํหรับการออกแบบขนาดฐาน support ใหมีขนาดใหญพอ เพื่อ ไมใหเกิดปญหาทอเคล่ือนที่ตกจาก spring ซึ่งเราสามารถทราบคา movement ในแนว horizontal ไดจาก Displacement report ดังรูปที่ 4 และจะปรากฏผลลัพธดังรูปที่ 5 7 รูปที่ 4 รูปที่ 5 8 PROJECT NO. 300760 SPRING NO. SH-001 Calc No. Calc008 Node No. (1100) CLIENT : REQUISITION NO. : LOCATION : CHONBURI ,THAILAND TOTAL QUANTITY REQ'D : 1 REF. P&ID No. : 2006-001-003 PREPARED : N.Pimnatchaya DATE : 3 July 06 SERVICE : High Pressure Steam CHECKED : K.Piya DATE : 4 July 06 ISO METRIC NO. : 2006-074-074 Rev.1 TYPE :
CONSTANT ; VARIABLE ; GRAPHITE
SUPPORT INSULATION ASME CODE
YES ANSI CODE
YES PROCESS DESIGN NAME OF FLUID : HPS (High Pressure Steam) OPERATING PRESSURE : 61 bar g SPRING SUPPORT TYPE : ( SPRING SUPPORT No. V1-17 ) SUPPORT SERIAL : By Vendor PIPE NOMINAL SIZE : 200 mm OPERATING TEMPERATURE : 528 oC PIPE INSULATION THICKNESS : 170 mm SUPPORT INSULATION THICKNESS : mm PERCENTAGE LOAD CHANGE : ( 7 ) % % RECOMMENDED W/RANGE : 25 % HYDROSTATIC TEST LOAD : ( 5282 ) N OPERATING LOAD : ( 6088 ) N PRE-SET LOAD : ( 5685 ) N SPRING RATE : ( 904 ) N/cm CONNECTIONS ( FILL BY VENDOR ) DESCRIPTION X Y Z A B C D E OPERATING LOAD N 0 ( 6088 ) 0 ** ** ** ** ** MOVEMENT (+) mm MOVEMENT (-) mm ( 4.152 ) ( 4.454 ) ( 37.18 ) REMARK 1 ** By Vendor ตาราง 2. ตัวอยางการจัดเตรยีม spring data sheet 9 1 บทท่ี 7 Seismic Analysis By Piya K. Last Update 23 Sep 01 Seismic Analysis กค็อืการวิเคราะหแผนดินไหว (Earthquake) Piping Engineer ไมสามารถ คาด เดาลวงหนาไดเลยวาจะเกิด แผนดินไหวเม่ือไร และ สงผลกระทบรุนแรงตอระบบทอมากนอยเพียงไร ดงันั้นใน เขตพ้ืนท่ีมโีอกาสเกิดแผนดินไหวบอยๆ ควรจะออกแบบระบบทอให แข็งแรง มั่นคง เพียงพอที่จะรองรับเหตุ การณท่ีจะเกิดขึ้น อยางนอยๆ ก็ใหสามารถ operate ได ไมตํ่ ากวา หน่ึงรอยป ในประเทศไทย Plant สวนใหญต้ังอยูในเขตปลอดแผนดินไหว เชน โรงกล่ันน้ํ ามันเอสโซ , โรงกล่ันน้ํ า มันไทยออยล ท่ี อํ าเภอศรีราชา ดังน้ันโรงกล่ันน้ํ ามันท้ังสองโรงน้ีก็ไมตองออกแบบเผ่ือสํ าหรับแผนดินไหว ก็จะทํ า ใหประหยดังบประมาณในการออกแบบ ไดมากมาย ตัวอยางที่จะตองมีการทํ า seismic analysis กเ็ชนโรงแยก กาซ ของ shell ท่ี ประเทศ Philliplines เพราะวาตั้งอยูใน โซน แผนดินไหว ในบทน้ีเราจะเรียนรูวธีิการใช CAESAR II วเิคราะห ระบบทอวา สามารถ รองรับกับเหตุการณแผนดินไหวไดหรือไม CAESAR II สามารถทํ าการวิเคราะห seismic ได 2 แบบ คือ แบบ seismic และ แบบ static equivalent method แบบ แรกนั้นคอนขางยากและซับซอนเกินไป ในทางปฏับัติ piping engineer มกัเลือกใชวิธี static equivalent method แทน โดยการน ํา UBC Code มาใชรวมกับ ASME Code การวิเคราะห ( Analysis ) ดงัทีเ่คยกลาวมาแลววา seismic น้ัน เปน occasional case ดงันั้นใน CAESAR II เราตองแยก case ตางหากออกมาจากการท ํา static analysis โดยเราจะใชวิธีการแบบ equivalent ใหเราทํ า static load case รวมกับคา horizontal g force. ซึง่จะสามารถค ํานวณไดจาก UBC code section 1632 – Lateral Force on Elements of Structures, Nonstructural Components and Equipment Supported by Structures โดยกลาวไววา สวน (element) ของโครงสราง (structure) ใดๆ และ สวนที่ไมใช โครงสราง(nonstructural) ทีถู่กรองรับโดยโครง สราง ควรจะถูกออกแบบใหตานทานแรงจากแผนดินไหว (seismic forces) ซึง่ UBC Code ก ําหนดวิธีคํ านวณไว ใน Section 1632.2 แตสํ าหรับ attachment ท่ีมขีนาดน้ํ าหนักเบากวา 181 kg ไมจ ําเปนตอง ถูกน ํามาออกแบบ เชน furniture ในตวัโครงอาคาร nonstructural ในที่นี้ก็คือ piping ของเราท่ี ถูก support ไวกับ Structure หรือวา pipe rack ดงันั้นเพื่อ ใหเปนไปตามเง่ือนไขท่ี code วางเอาไว เราจะน ํา code มาประยุกตใชไดดังนี้ 2 วิธีการ หา Earthquake Load Derivation on the Piping: อนัดับแรกศึกษา Project Specification Requirement กอน DATA : Design Code ใหใช code UBC 1997 (ตาม Project Spec) Seismic Zone 1 ,2,3 or 4 แลวแต วา Plant อยูท่ีไหน Importance Factor (UBC category 3), Ip 1.0 เปด table 16-K Maximum Design Lateral Seismic Force Fpmax= 4.0 Ca Ip Wp (32-3) Minimun total Design Lateral Seismic Force Fpmin = 0.7 Ca Ip Wp (32-3) คา Fp จะคํ านวณโดยใชสูตร (32-2) Total Design Lateral Seismic Force , Fp Fp = ap Ca Ip 1 + 3hx Wp (32-2) Rp hr โดยที่ ap = in-structure Component Amplification Factor that varies from 1.0 to 2.5. (เปด Table 16-O) Ca = seismic coefficient, as set forth in table 16-Q hr = the structure roof elevation with respect to grade. hx = the element or component attachment elevation with respect to grade. คาน้ีไมควรต่ํ ากวา 0.0. Ip = importance factor specified in table 16-K Rp = Component Response Modification Factor that shall be taken from Table 16-O Wp = The weigth of an element or component ท ําความเขาใจระยะ hx and hr ที ่apply ใชสํ าหรับงาน piping hr hx hx hx = hr hr hr กค็อื ระยะความสูงของหลังคา structural โดยเทียบกับ ระดับพ้ืนดิน hx กค็อื ระยะความสูงของ piping โดยเทียบกับระดับพื้นดิน สํ าหรับ seismic loading แลว friction ท่ีเกิดข้ึนท่ี supports เชน rest and guide ไมตองน ํามาพิจารณา สํ าหรับ ตานทานแรงแผนดินไหว(seismic forces) ดงันั้นใน CAESAR II เราตอง เอา คา ส.ป.ส แรงเสียดทานออกให หมด กอนที่จะ run analysis การ Design Piping เปนเรื่องที่ตองควรระวัง และ support ให ดอียางเหมาะสม โดยเฉพาะจุดที่ไมคอยมั่นคงและออนแอ เชน ทอที่วางอยูบน cantilever beam ถาเรา support ไมด ี ในขณะท่ีเกิดแผนดินไหว ทออาจจะตกลงมาจาก cantilever beam กไ็ด ยกตัวอยางอีกสักกรณีหนึ่ง line 2” branch มาจาก header 10” ในสภาวะ ปกต ิแลว case นีไ้มมีปญหาเลย support support ไมวา sustain connection เพร ในแนวแกน horiz Piping Stress A ตองแย U1 (OCC) U2 (OCC) W + P1 + U1 (O W + P1 + U2 (O ใหเราแยก case เฉพาะ operating อยาลืมนะ frictio คา ส.ป.ส ความเ รายละเ มาเสนอคราวหลัง รวบรวมใหเฉพาะ case หรือ าะวาทอ hea ontal ทํ าให nalysis For ก model ในก CC) CC) ออกมาพิจาร condition เ n ไมนํ ามาใช สียดทานออก อียด ,วธิกีารต ที่มีการปรับป สิ่งที่ส ําคัญๆ Nozzle and 3 expansion case แตมนัจะพังในกรณีที่เกิดแผนดินไหวไดตรงบริเวณ branch der ไมไดถูก support ไวกับ pipe rack อยางดีเพียงพอ มันเกิด seismic forces force ท่ี branch connection สูงเกินไปจนทํ าให branch พังเสียหายได Seismic Case by Using CAESAR II ารประเมณิ seismic effects ตาม load case ตอไปน้ี ณาใหมเลย อาจจะ save file name เปนชื่อใหม เลย และ case น้ีให พิจารณา ทานั้น design condition ไมตองพิจารณา สํ าหรับการ seismic model ดงันั้นใน CAESAR II piping input model ตอง เอา ใหหมด (เตือนบอยจังเลย สงสัยคนแตงเปนโรคยํ ้าคิดยํ ้าทํ า) ั ้งคา และ เทคนิคในการ model piping input บนโปรแกรม CAESAR II ผมจะนํ า รุงเนื้อหาใหมนะครับ เพราะผมไมมีเวลามาจัดทํ าเลย ในตอนน้ี ใน sheet นี้จึง restraint loads B31.1 Code Compliance 4 หนาที ่ของ Piping Engineer 1. Piping Engineer จะตองออกแบบ ตรวจสอบ ระบบทอ ไมใหพังเสียหายในกรณี sustain case (primary) และ expansion case (secondary) แลวยังตอง ออกแบบระบบทอใหปองกันการพังเสียหายจาก seismic (occasional) ดวย 2. Piping Engineer ตองสง piping loads ใหทาง Civil Engineer ออกแบบ Structural สํ าหรับตาน ทาน แรงแผนดินไหว(seismic loads) ดวย 3. Piping Engineer ตอง design support ใหแขง็แรง สามารถตานทานแรงแผนดินไหวได การใชงานโปรแกรม STRESS-C Version 2.5 By Piya K (8 Feb 2006) Aim : to convert PDMS file to CAESAR II เพื่อประหยัดเวลาในการ model CAESAR II เปนการ work smart ไมได work hard Run program stressc.exe ใน folder C:\AVEVA\STRESSC2.5 ปอนขอมูลตาม step ดังนี้ Project Name = AMA Username/Pass =PPMANA/PPMANB Enter MDB Base Name = AMAPROJ Enter Pipe Name = 23LCA12BR010 หลังจากนั้น Enter โปรแกรม จะใหต้ังช่ือ CAESAR input ไฟล STRESS-C จะ generate neutral file มาสอง ไฟล คือ *.cii และ *.dat แลว STRESS-C เก็บไว convert ไวที่ไหนหละ? Folder ที่ใช convert file ถูกเก็บไวคือ C:\AVEVA\STRESSC2.5\ มาดูผลจากตัวอยางจริงกันดีกวา รูปขางลางนี้คือ PDMS model line number 23LBA15BR010 กอนที่จะทําการ convert ไป CAESAR II พอconvert ดวย STRESS-C แลวเขาโปรแกรม CAESAR II convert อีกตอหนึ่งจะได ดังนี้ หนาตาเหมือนกันเปะ เลย สังเกตุ ตัว valve จะไมมีมา ดังนั้นเราตองมาแกไข ใน CAESAR ดวยตัวเอง บทที่ 1 LONGITUDINAL PRESSURE STRESS HOOP PRESSURE STRESS เกณฑ์ค่าความเค้นสูงสุดที่ ยอมรับได้ ซึ่งแต่ละประเทศจะมีข้อกำหนดเป็นของตัวเอง สำหรับประเทศไทยยังไม่มีข้อกำหนดนี้ให้ใช้ โดยมากโรงงานในประเทศไทยใช้ หลักเกณฑ์ของอเมริกา ในแต่ละประเภทของโรงงาน ก็ยังกำหนดแตกต่างกันไปอีก เช่น โรงงานประเภท Power Plant ได้กำหนดใช้ Code B31.1 ส่วนโรงงานประเภท Process Plant ได้กำหนดใช้ Code B31.3 เนื่องจากส่วนใหญ่เราจะทำโรงงานประเภท Process Plant กัน ดังนั้นขอยกตัวอย่างของ Code B31.3 ซึ่งได้กำหนด Code stress allowable ไว้ดังต่อไปนี้ THE SUSTAIN ALLOWABLE STRESS คือการเอาค่า hot yield stress มาคูณด้วยค่า factor ซึ่ง sustained stresses ไม่ควรจะเกินค่า materials elastic limit ณ อุณหภูมิ ที่ operating หรือ อุณหภูมิที่ใช้ในการ design ถ้าเขียนเป็นสมการจะได้ดังนี้ THE EXPANSION ALLOWABLE STRESS RANGE ค่านี้จะต้องไม่เกิน สองเท่าของ yield stress คูณกับ safety factor , cyclic reduction factor ลบ ด้วยค่า mean stress ซึ่ง total stress range ( expansion บวกกับ sustained) ถูก set ไว้เท่ากับ สองเท่าของ yield stress THE OCCASIONAL STRESS คือ stress ที่เกิดขึ้นแบบชั่วขณะ หรือเกิดขึ้นเป็นบางครั้งบางคราว ไม่แน่ไม่นอน อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ เช่น แผ่นดินไหว(seismic ) wind load, water hammer เหล่านี้ยากต่อการคาดเดาว่าจะเกิดเมื่อไร อย่างไร รายละเอียดเกี่ยวกับ การวิเคราะห์ระบบท่อเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ผมจะกล่าวอีกทีในบทที่ 7 Allowable stress สำหรับกรณีนี้ ASME Code ได้กำหนดให้มีค่ามากขึ้นกว่า Sh ประมาณ 10 ถึง 30 % หรือ 1.1Sh – 1.33Sh ขึ้นอยู่กับเราใช้ code ไหนในการออกแบบ เช่น B31.1 ใช้ 1.15Sh -1.2 Sh ส่วน B31.3 ใช้ 1.3 Sh เป็นต้น จะเห็นว่า B31.1 Power Piping ค่อนข้าง ใช้ safety factor สูงกว่า B31.3 Process Piping content-27Feb08.pdf First Page Pöyry Energy Ltd เกี่ยวกับผู้เขียน Table of Content บทที่ 2 Static Analysis x บทที่ 5 Spring Hanger Design x บทที่ 6 Jacket Pipe x - Minimum leg require for jacket pipe บทที่ 7 Dynamic x บทที่ 8 Seismic Analysis x - Seismic code Chapter 2 Static update 23 Jan 2007.pdf บทที่ 2 chapter 3 Pipe Racks Rev 1(19 Feb 07).pdf บทที่ 3 Pipe Rack and Expansion Loop Pöyry Energy (Thailand) Ltd. 3.1 Pipe rack design for process plants 3.2 ตำแหน่งการจัดวางท่อ บน Pipe Rack (Line Location In The P Chapter 4 Introduction to Pipe Support.pdf Stress analysis work is the Piping Engineer ‘s role to solve Now we are going to learn about how to solve the problem. On Introduction to Pipe Support Design Definition 1) Anchors is a mechanical connection (welded and/or bolted) between a pipe (or Exchanger,etc.) and a structure. pipe carbon steel A106 Gr.B at 200 (C (coefficient of expansion = 2.2 mm/m.) N 20 m. (1=44 mm. Answer N 20 m. (1= 22 mm. Answer Pipe Support Design – Rest Support Chapter 5 SPRING HANGER DESIGN.pdf บทที่ 5 Pöyry Energy (Thailand) Ltd. ( update 22 January 2007) เมื่อไรเราจึงติดตั้งสปริง (WHEN WE INSTALL A SPRING) สูตรที่ใช้ คำนวณ แรงสปริง วิธีทำ Seismic Analysis.pdf º··Õè 7 Seismic Analysis Last Update 23 Sep 01 Chapter 1 basic piping stress 29 Feb 08.pdf 2Bบทที่ 1 0BULONGITUDINAL PRESSURE STRESS 1BUHOOP PRESSURE STRESS 3B เกณฑ์ค่าความเค้นสูงสุดที่ ยอมรับได้ ซึ่งแต่ละประเทศจะมีข้อกำหนดเป็นของตัวเอง สำหรับประเทศไทยยังไม่มีข้อกำหนดนี้ให้ใช้ โดยมากโรงงานในประเทศไทยใช้ หลักเกณฑ์ของอเมริกา ในแต่ละประเภทของโรงงาน ก็ยังกำหนดแตกต่างกันไปอีก เช่น โรงงานประเภท Power Plant ได้กำหนดใช้ Code B31.1 ส่วนโรงงานประเภท Process Plant ได้กำหนดใช้ Code B31.3 4B เนื่องจากส่วนใหญ่เราจะทำโรงงานประเภท Process Plant และ Power Plant กัน ดังนั้นขอยกตัวอย่างของ ทั้ง Code B31.1 และ B31.3 ซึ่ง code B31.3 ได้กำหนด Code stress allowable ไว้ดังต่อไปนี้ 5BUTHE SUSTAIN ALLOWABLE STRESS 6Bคือการเอาค่า hot yield stress มาคูณด้วยค่า factor ซึ่ง sustained stresses ไม่ควรจะเกินค่า materials elastic limit ณ อุณหภูมิ ที่ operating หรือ อุณหภูมิที่ใช้ในการ design ถ้าเขียนเป็นสมการจะได้ดังนี้ 7BUTHE EXPANSION ALLOWABLE STRESS RANGEU 8Bค่านี้จะต้องไม่เกิน สองเท่าของ yield stress คูณกับ safety factor , cyclic reduction factor ลบ ด้วยค่า mean stress ซึ่ง total stress range ( expansion บวกกับ sustained) ถูก set ไว้เท่ากับ สองเท่าของ yield stress 9BUTHE OCCASIONAL STRESSU คือ stress ที่เกิดขึ้นแบบชั่วขณะ หรือเกิดขึ้นเป็นบางครั้งบางคราว ไม่แน่ไม่นอน อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ เช่น แผ่นดินไหว(seismic ) wind load, water hammer เหล่านี้ยากต่อการคาดเดาว่าจะเกิดเมื่อไร อย่างไร รายละเอียดเกี่ยวกับ การวิเคราะห์ระบบท่อเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ผมจะกล่าวอีกทีในบทที่ 7 10B Allowable stress สำหรับกรณีนี้ ASME Code ได้กำหนดให้มีค่ามากขึ้นกว่า Sh ประมาณ 10 ถึง 30 % หรือ 1.1Sh – 1.33Sh ขึ้นอยู่กับเราใช้ code ไหนในการออกแบบ เช่น B31.1 ใช้ 1.15Sh -1.2 Sh ส่วน B31.3 ใช้ 1.3 Sh เป็นต้น จะเห็นว่า B31.1 Power Piping ค่อนข้าง ใช้ safety factor สูงกว่า B31.3 Process Piping Chapter 1 basic piping stress 29 Feb 08.pdf 2Bบทที่ 1 0BULONGITUDINAL PRESSURE STRESS 1BUHOOP PRESSURE STRESS 3B เกณฑ์ค่าความเค้นสูงสุดที่ ยอมรับได้ ซึ่งแต่ละประเทศจะมีข้อกำหนดเป็นของตัวเอง สำหรับประเทศไทยยังไม่มีข้อกำหนดนี้ให้ใช้ โดยมากโรงงานในประเทศไทยใช้ หลักเกณฑ์ของอเมริกา ในแต่ละประเภทของโรงงาน ก็ยังกำหนดแตกต่างกันไปอีก เช่น โรงงานประเภท Power Plant ได้กำหนดใช้ Code B31.1 ส่วนโรงงานประเภท Process Plant ได้กำหนดใช้ Code B31.3 4B เนื่องจากส่วนใหญ่เราจะทำโรงงานประเภท Process Plant และ Power Plant กัน ดังนั้นขอยกตัวอย่างของ ทั้ง Code B31.1 และ B31.3 ซึ่ง code B31.3 ได้กำหนด Code stress allowable ไว้ดังต่อไปนี้ 5BUTHE SUSTAIN ALLOWABLE STRESS 6Bคือการเอาค่า hot yield stress มาคูณด้วยค่า factor ซึ่ง sustained stresses ไม่ควรจะเกินค่า materials elastic limit ณ อุณหภูมิ ที่ operating หรือ อุณหภูมิที่ใช้ในการ design ถ้าเขียนเป็นสมการจะได้ดังนี้ 7BUTHE EXPANSION ALLOWABLE STRESS RANGEU 8Bค่านี้จะต้องไม่เกิน สองเท่าของ yield stress คูณกับ safety factor , cyclic reduction factor ลบ ด้วยค่า mean stress ซึ่ง total stress range ( expansion บวกกับ sustained) ถูก set ไว้เท่ากับ สองเท่าของ yield stress 9BUTHE OCCASIONAL STRESSU คือ stress ที่เกิดขึ้นแบบชั่วขณะ หรือเกิดขึ้นเป็นบางครั้งบางคราว ไม่แน่ไม่นอน อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ เช่น แผ่นดินไหว(seismic ) wind load, water hammer เหล่านี้ยากต่อการคาดเดาว่าจะเกิดเมื่อไร อย่างไร รายละเอียดเกี่ยวกับ การวิเคราะห์ระบบท่อเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ผมจะกล่าวอีกทีในบทที่ 7 10B Allowable stress สำหรับกรณีนี้ ASME Code ได้กำหนดให้มีค่ามากขึ้นกว่า Sh ประมาณ 10 ถึง 30 % หรือ 1.1Sh – 1.33Sh ขึ้นอยู่กับเราใช้ code ไหนในการออกแบบ เช่น B31.1 ใช้ 1.15Sh -1.2 Sh ส่วน B31.3 ใช้ 1.3 Sh เป็นต้น จะเห็นว่า B31.1 Power Piping ค่อนข้าง ใช้ safety factor สูงกว่า B31.3 Process Piping content-4Mar08.pdf PRACTICAL PIPING STRESS HANDBOOK Pöyry Energy Ltd เกี่ยวกับผู้เขียน Page บทที่ 2 Static Analysis x บทที่ 5 Spring Hanger Design x บทที่ 6 Jacket Pipe x - Minimum leg require for jacket pipe บทที่ 7 Dynamic x บทที่ 8 Seismic Analysis x - Seismic code Chapter 1 basic piping stress 29 Feb 08.pdf 2Bบทที่ 1 0BULONGITUDINAL PRESSURE STRESS 1BUHOOP PRESSURE STRESS 3B เกณฑ์ค่าความเค้นสูงสุดที่ ยอมรับได้ ซึ่งแต่ละประเทศจะมีข้อกำหนดเป็นของตัวเอง สำหรับประเทศไทยยังไม่มีข้อกำหนดนี้ให้ใช้ โดยมากโรงงานในประเทศไทยใช้ หลักเกณฑ์ของอเมริกา ในแต่ละประเภทของโรงงาน ก็ยังกำหนดแตกต่างกันไปอีก เช่น โรงงานประเภท Power Plant ได้กำหนดใช้ Code B31.1 ส่วนโรงงานประเภท Process Plant ได้กำหนดใช้ Code B31.3 4B เนื่องจากส่วนใหญ่เราจะทำโรงงานประเภท Process Plant และ Power Plant กัน ดังนั้นขอยกตัวอย่างของ ทั้ง Code B31.1 และ B31.3 ซึ่ง code B31.3 ได้กำหนด Code stress allowable ไว้ดังต่อไปนี้ 5BUTHE SUSTAIN ALLOWABLE STRESS 6Bคือการเอาค่า hot yield stress มาคูณด้วยค่า factor ซึ่ง sustained stresses ไม่ควรจะเกินค่า materials elastic limit ณ อุณหภูมิ ที่ operating หรือ อุณหภูมิที่ใช้ในการ design ถ้าเขียนเป็นสมการจะได้ดังนี้ 7BUTHE EXPANSION ALLOWABLE STRESS RANGEU 8Bค่านี้จะต้องไม่เกิน สองเท่าของ yield stress คูณกับ safety factor , cyclic reduction factor ลบ ด้วยค่า mean stress ซึ่ง total stress range ( expansion บวกกับ sustained) ถูก set ไว้เท่ากับ สองเท่าของ yield stress 9BUTHE OCCASIONAL STRESSU คือ stress ที่เกิดขึ้นแบบชั่วขณะ หรือเกิดขึ้นเป็นบางครั้งบางคราว ไม่แน่ไม่นอน อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ เช่น แผ่นดินไหว(seismic ) wind load, water hammer เหล่านี้ยากต่อการคาดเดาว่าจะเกิดเมื่อไร อย่างไร รายละเอียดเกี่ยวกับ การวิเคราะห์ระบบท่อเมื่อเกิดแผ่นดินไหว ผมจะกล่าวอีกทีในบทที่ 7 10B Allowable stress สำหรับกรณีนี้ ASME Code ได้กำหนดให้มีค่ามากขึ้นกว่า Sh ประมาณ 10 ถึง 30 % หรือ 1.1Sh – 1.33Sh ขึ้นอยู่กับเราใช้ code ไหนในการออกแบบ เช่น B31.1 ใช้ 1.15Sh -1.2 Sh ส่วน B31.3 ใช้ 1.3 Sh เป็นต้น จะเห็นว่า B31.1 Power Piping ค่อนข้าง ใช้ safety factor สูงกว่า B31.3 Process Piping
Comments
Copyright © 2025 UPDOCS Inc.